จากข้อมูลของ Daxue Consulting บริษัทที่ปรึกษาและวิจัย เผยว่าอุตสาหกรรมเพชรกำลังเข้าสู่ขาลง เนื่องจากความต้องการเพชรในตลาดสำคัญอย่างประเทศจีนกำลังลดลง เนื่องจากอัตราการแต่งงานที่ลดลง ในขณะที่กระแสของทองคำและตลาดอัญมณีสังเคราะห์เติบโตขึ้นมาแทน
ไม่เพียงเท่านั้น พฤติกรรมการบริโภคของคนจีนที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19 จากเดิมที่นิยมซื้อเพชรไว้สะสม แต่กลับเปลี่ยนไปใช้เงินสำหรับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวแทน
จากดัชนีเพชรของ Zimnisky พบว่าราคาเพชรมีการปรับตัวลงกว่า 5.7% นับตั้งแต่ต้นปี (YTD) และปรับตัวลงมาแล้วกว่า 30% นับจากจุดสูงสุดในช่วงปี 2022
Bloomberg ยังรายงานอีกว่า De Beers หนึ่งในบริษัทเพชรที่เคยเกือบจะผูกขาดตลาดเพชร ยังต้องลดราคาของสินค้าลงกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
Marcelo Esquivel หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารของ Anglo American เผยกับ CNBC ว่า ปีที่ผ่านมายังถือว่าเป็นปีที่ยากกับตลาดเพชรมากกว่าปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ทำให้ตลาดอัญมณีสังเคราะห์ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งจากเพชรธรรมชาติเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
Ankur Daga ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Angra บริษัทอีคอมเมิร์ซด้านเครื่องประดับ ระบุว่า ตลาดอัญมณีสังเคราะห์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และภายในปีนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของแหวนแต่งงานในสหรัฐฯ จะมาจากอัญมณีสังเคราะห์ เทียบกับปี 2018 ที่มีสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้นเอง
โดยเพชรสังเคราะห์มีราคาถูกกว่าเพชรธรรมชาติถึง 85% และเติบโตจากยอดขายทั่วโลกที่เพียง 2% ในปี 2017 เพิ่มขึ้นเป็น 18.4% ในปี 2023 ที่ผ่านมา
และมุมมองการลงทุนต่อเพชรเพื่อป้องกันเงินเฟ้อและรักษามูลค่าของเงินก็ค่อยๆ หดหายไปจากราคาที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา
Ankur ยังมองต่อไปว่า ตลาดเพชรกำลังเผชิญปัญหา และราคาเพชรอาจปรับตัวลงอีก 15-20% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ เนื่องจากเพชรเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเหมือนกับสินค้าหรูหราประเภทอื่นๆ อย่างกระเป๋าหรือนาฬิกา เพียงแค่อุตสาหกรรมเพชรยังขาดการทำการตลาดอย่างจริงจังมาตลอด 20 ปี
Signet Jewelers บริษัทค้าปลีกจิวเวลรีชั้นนำของโลกก็ได้ประกาศจับมือกับ De Beers เพื่อกระตุ้นตลาดเพชรธรรมชาติกลับขึ้นมา และตั้งเป้าหมายว่าจะกระตุ้นความต้องการนี้ได้ 25% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
อ้างอิง: