×

‘ฮาลันด์ VS เลวาน’ การเผชิญหน้าของ 2 สุดยอดศูนย์หน้าต่างวัยในศึก ‘Der Klassiker’

26.05.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • ทั้ง เออร์ลิง ฮาลันด์ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ลงเล่นในฤดูกาลนี้ 35 นัด และยิงได้คนละ 41 ประตูเท่ากัน
  • การเผชิญหน้าของสองสุดยอดศูนย์หน้าต่างวัยถือเป็นไฮไลต์ของเกม Der Klassiker ที่มีโอกาสจะกลายเป็นเกมตัดสินแชมป์บุนเดสลีกาฤดูกาลนี้
  • ฮันซี ฟลิก เทรนเนอร์บาเยิร์นคิดว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะเปรียบเทียบระหว่างกองหน้าทั้งสอง

ก่อนเที่ยงคืนของคืนนี้ เกมฟุตบอลที่คอลูกหนังทั่วโลกเฝ้ารอคอย (เพราะเป็นลีกใหญ่ลีกเดียวที่แข่งตอนนี้!) คือเกม ‘Der Klassiker’ การพบกันของสองสุดยอดทีมแห่งวงการฟุตบอลเยอรมนี ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปะทะ ‘เสือใต้’ บาเยิร์น มิวนิก 

 

ความสำคัญของเกมนี้อยู่ในระดับมีโอกาสจะเป็นเกมตัดสินแชมป์ได้เลยทีเดียว โดยสถานการณ์ปัจจุบันดอร์ทมุนด์เป็นรองจ่าฝูง มีคะแนนตามหลังบาเยิร์นอยู่ 4 คะแนน ซึ่งหากพวกเขาชนะในเกมนี้ก็จะไล่ประชิดเหลือเพียงแค่แต้มเดียว แต่ในทางกลับกันหากทีมของ ฮันซี ฟลิก เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้ พวกเขาก็จะหนีห่างเป็น 7 คะแนน โอกาสในการป้องกันแชมป์อีกสมัยนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นมาก

 

เกมระดับนี้แน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนจับตามองคือการดวลกันของเหล่าซูเปอร์สตาร์ ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่ดอร์ทมุนด์มีขุมกำลังที่เพียบพร้อมที่จะต่อกรกับคู่ปรับสำคัญจากแคว้นบาวาเรียได้ 

 

นอกจาก จาดอน ซานโช พวกเขายังมี ยูเลียน บรันดท์, ธอร์แกน อาซาร์, อัชราฟ ฮาคิมี, ราฟาเอล เกร์เรโร, มามุด ดาฮูด รวมถึง มัตส์​ ฮุมเมิลส์ ที่ไม่เป็นรองบาเยิร์นที่นำมาโดย โธมัส มุลเลอร์, คิงสลีย์ โกม็อง, แซร์ช นาบรี, โจชัว คิมมิช, ลีออน กอเรตซ์กา, ดาวิด อลาบา และพี่ใหญ่อย่าง มานูเอล นอยเออร์

 

แต่คู่ดวลที่กลายเป็นไฮไลต์สำหรับเกมนัดนี้ย่อมหนีไม่พ้นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของสองสุดยอดศูนย์หน้าต่างวัยอย่าง เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน

 

การดวลกันของคู่นี้น่าดูอย่างไรบ้าง?

 

The Master VS The Apprentice

ปัจจุบันฮาลันด์มีอายุ 19 ปี ขณะที่เลวานดอฟสกีอายุมากกว่า 12 ปี แต่ฟอร์มการถล่มประตูของทั้งสองนั้นร้อนราวกับเป็นแมกมาที่ระเบิดออกมาจากภูเขาไฟ

 

ในฤดูกาลนี้เลวานดอฟสกียิงไปแล้ว 27 ประตู จากการลงสนาม 25 นัดในบุนเดสลีกา และหากนับรวมทุกรายการ ดาวยิงชาวโปแลนด์สังหารไปแล้ว 41 ประตู (รวมทุกรายการ) ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่เขายิงได้มากกว่า 40 ประตู

 

แต่เจ้าหนูชาวนอร์เวย์ที่เพิ่งจะย้ายจากเรดบูล ซัลซ์บวร์กมาอยู่กับดอร์ทมุนด์เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมาเองก็ทำผลงานได้มหัศจรรย์ โดยยิงไปแล้ว 41 ประตูเท่ากัน (รวมทุกรายการและทุกสโมสร) และหากนับเฉพาะฟอร์มกับดอร์ทมุนด์ ก็ยิงไปแล้วถึง 13 ประตูจากการลงสนาม 13 นัด

 

เรียกว่าได้ว่าเป็นมวยที่น่าจะถูกคู่

 

อย่างไรก็ดี ทางด้าน ฮันซี ฟลิก เทรนเนอร์บาเยิร์นคิดว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะเปรียบเทียบระหว่างทั้งสอง

 

“ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรกของฮาลันด์ ดังนั้นมันเร็วเกินไปที่จะมาเทียบกับเลวี” ฟลิกกล่าว “โรเบิร์ตเล่นในฟอร์มของนักฟุตบอลระดับโลกได้อย่างสม่ำเสมอมาหลายปี แต่ฮาลันด์เองก็เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ล้นเหลือ เขายังเด็ก แต่เขาก็มีพลังที่จะไล่ล่าประตูและเขาก็ต้องการจะจบสกอร์

 

“บุคลิกของเขาถูกผลักดันด้วยแรงขับมหาศาลในตัว เขากระหาย มีรูปร่างสูงใหญ่แต่ก็มีความคล่องตัว แต่เราจะสนใจแค่เขาคนเดียวไม่ได้”

 

สิ่งที่น่าสนใจคือสไตล์การเล่นของทั้งคู่มีความแตกต่างกัน

 

ในขณะที่ฮาลันด์เป็นศูนย์หน้าในแบบ ‘หมายเลข 9’ สมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณในการทำประตูที่ล้นปรี่ โดยเฉพาะในระยะ 12 หลาที่เป็นระยะทำการที่ไอ้หนูตีนระเบิดถนัดถนี่ที่สุด

 

แต่ฮาลันด์ไม่ได้เก่งแค่ในกรอบเขตโทษ รูปร่างที่สูงใหญ่มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมเกมให้เพื่อนร่วมทีม และที่สำคัญคือความเร็วที่พร้อมจะฉีกแนวรับและการเคลื่อนตัวไปสู่ตำแหน่งที่ดีที่จะได้ลุ้นจบสกอร์ด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเด่นไม่แพ้เท้าซ้ายฉมังเดชที่ไม่จำเป็นต้องยิงแรงแต่เฉียบคมมากพอที่จะส่งบอลเข้าประตู

 

เลวานดอฟสกีเป็นศูนย์หน้าในอีกรูปแบบที่คลาสสิกกว่า ครบเครื่องกว่า สามารถทำประตูได้ทุกรูปแบบไม่ต่างอะไรจากสุดยอดพ่อครัวที่จะต้ม ผัด แกง ทอด ก็หอมอร่อยในพริบตา 

 

นอกจากนี้ยังมีเซนส์ในการเล่นฟุตบอลที่เป็นธรรมชาตินุ่มนวลกว่า และปฏิภาณไหวพริบในระดับสูง หลายจังหวะเหนือชั้นจนคู่แข่งตามไม่ทัน เรียกได้ว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ตัวจริง ไม่ได้เป็นรอง คริสเตียโน โรนัลโด หรือ ลิโอเนล เมสซี เลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

พอล แลมเบิร์ต อดีตมิดฟิลด์ห้องเครื่องของดอร์ทมุนด์ในยุคทศวรรษ 90 มองการเผชิญหน้ากันของทั้งคู่ว่า “ทั้งสองทีมต่างมีศูนย์หน้าที่เหลือเชื่ออยู่ ไม่ว่าจะเลวานดอฟสกีหรือฮาลันด์ ผมคิดว่ามันน่าสนใจมากว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เลวานดอฟสกีอยู่มาก่อน เคยเห็นสิ่งต่างๆ และทำให้ดูมาแล้วมากมาย

 

“ส่วนฮาลันด์ยังเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังสร้างชื่อ ทุกครั้งที่เด็กคนนี้ได้โอกาสดูเหมือนเขาจะทำสกอร์ได้เสมอ การเคลื่อนที่ของเขานั้นดีมาก ไม่ว่าเขาจะมีความเร็วระดับสายฟ้าฟาดเพื่อจะฉีกหนีกองหลัง หรือไม่การเคลื่อนที่ของเขาก็ดีมาก ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าด้วยวิธีการเล่นของเขาแล้ว เขาน่าจะสร้างปัญหาให้กับบาเยิร์นได้พอสมควร”

 

ว่าด้วยสถิติการถล่มประตูอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • นับเฉพาะการทำประตูในลีก เลวานดอฟสกียิงไปแล้ว 27 ประตูจากการเล่นแค่ 25 นัด มากกว่าฮาลันด์ที่ทำไป 26 ประตูจากการเล่นให้กับทั้งดอร์ทมุนด์และซัลซ์บวร์กรวม 24 นัด
  • แต่ถ้าหากคิดจำนวนนาทีเฉลี่ยต่อประตูแล้วฮาลันด์เหนือกว่ามาก เพราะเจ้าหนูไวกิ้งใช้เวลาเฉลี่ย 64.5 นาทีต่อประตู ดีกว่าเลวานดอฟกีที่ใช้เวลา 82.3 นาทีต่อประตู
  • และถ้าดูจำนวนค่าเฉลี่ยโอกาสได้ประตูแล้ว ฮาลันด์ทำได้ดีกว่าโดยใช้โอกาสเฉลี่ย 2.8 ครั้งต่อประตู ขณะที่ดาวยิงรุ่นพี่ใช้โอกาส 4.2 ครั้งถึงจะได้ 1 ประตู แต่ในวงเล็บต้องเข้าใจด้วยว่าสถิติส่วนหนึ่งของฮาลันด์เกิดขึ้นในบุนเดสลีกา ออสเตรีย ซึ่งเป็นลีกที่อ่อนกว่า
  • เลวานดอฟสกีเคลื่อนที่เข้าไปรับบอลในเขตโทษได้มากกว่าฮาลันด์ โดย 22 เปอร์เซ็นต์ในการสัมผัสบอลของเขาเกิดขึ้นในเขตโทษ ขณะที่ดาวยิงรุ่นน้องสัมผัสบอลในเขตโทษ 18 ครั้ง
  • ดาวยิงโปแลนด์ยังสร้างโอกาสให้เพื่อนมากกว่า โดยทำไป 27 ครั้ง ขณะที่ฮาลันด์ 21 ครั้ง
  • แต่ถ้าดูการแอสซิสต์ ฮาลันด์กลับมีสถิติดีกว่าชัดเจน โดยแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงประตู 6 ครั้ง ทั้งๆ ที่เล่นมาแค่ 10 นัด ขณะที่เลวานดอฟสกีทำได้แค่ 3 ครั้งจากการเล่น 25 นัด
  • ถ้าดูที่ค่าเฉลี่ยประตูที่คาดหวังได้ (xG) ทั้งคู่ทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ย โดยฮาลันด์ ยิงได้ 10 ประตูจากค่าเฉลี่ย 6.0 ขณะที่เลวานดอฟสกียิงได้ 27 ประตูจากค่าเฉลี่ย 25.1 

 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้การเผชิญหน้ากันของทั้งสองจึงเป็นฉากสำคัญของเกม Der Klassiker ในคืนนี้ที่จะลงสนามเวลา 23.30 น. ซึ่งเราจะได้เห็นกันว่าสุดท้ายแล้วระหว่างปรมาจารย์สุดเก๋าอย่างเลวานดอฟสกี กับไอ้หนุ่มซินตึ๊งอย่างฮาลันด์ ใครจะแน่กว่ากัน!

 

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

 

 


ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

FYI
  • ถึงจะถูกเรียกขานแบบเท่ๆ ว่า Der Klassiker แต่ในเยอรมนีไม่เคยมีการบัญญัติชื่อนี้แต่อย่างใด เพราะทั้งดอทมุนด์และบาเยิร์นไม่ได้มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งที่ยาวนานเหมือนคู่แค้นตลอดกาลคู่อื่นๆ ถ้าถามคนเยอรมนี เกมนี้ก็เป็นแค่ ‘ดอร์ทมุนด์ VS บาเยิร์น’ ธรรมดา
  • แต่มันก็มีปมอยู่บ้างในเรื่องที่ดอร์ทมุนด์เป็นลูกไล่ของบาเยิร์น และมักจะโดนดูดนักเตะที่เก่งที่สุดเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีหลังที่เสียทั้ง มาริโอ เกิตเซ, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ มัตส์ ฮุมเมิลส์ ให้กับคู่แข่ง
  • มีครั้งหนึ่งที่บาเยิร์นเคยช่วยเหลือดอร์ทมุนด์ด้วยการให้กู้ยืมเงิน 2 ล้านยูโรเพื่อใช้จ่ายเงินเดือนในปี 2004 โดยไม่คิดดอกเบี้ย แต่ก็ไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ดอร์ทมุนด์ต้องทดแทนบุญคุณแต่อย่างใด เพราะหนี้สินชำระกันหมดแล้วไม่มีอะไรติดค้าง

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising