แม้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งยังคงประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft, Amazon และล่าสุดก็คือ Dell อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าความต้องการพนักงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยียังคง ‘สูงอยู่’
Vicki Salemi ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพจาก Monster เว็บไซต์จัดหางานระดับโลก กล่าวว่า ช่องว่างด้านทักษะยังคงสูง นายจ้างกำลังเผชิญกับความลำบากในการหาพนักงานในตลาดแรงงานที่ตึงตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- LinkedIn เปิดโผ 20 ทักษะในการทำงานที่องค์กรตามหากันมากที่สุด พร้อมคอร์สเรียนออนไลน์ที่ได้ใบประกาศฯ
- เปิดโผ 10 อาชีพ รายได้งาม ความเครียดต่ำ ส่วนมากไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนและไม่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้า
- เปิด ‘7 ทักษะ’ ด้านเทคโนโลยี เป็นที่ต้องการมากที่สุดสำหรับฟรีแลนซ์
ในปัจจุบัน นายจ้างจะไม่ได้มองหาผู้มีความสามารถสำหรับตำแหน่ง ‘เต็มเวลา’ (Full-Time) เสมอไป โดยนายจ้างบางรายเปิดรับตำแหน่งงานแบบนอกเวลา (Part-Time) หรือแบบสัญญาจ้าง (Contract Work) ด้วย
ดังนั้น หากใครมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และกำลังมองหาโอกาสใหม่อยู่ ทักษะ 7 ประการต่อไปนี้ อาจเป็นทักษะด้านเทคโนโลยีที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ตามข้อมูลจาก Upwork แพลตฟอร์มหางานฟรีแลนซ์
1. Full Stack Development
Full Stack Developer คือนักพัฒนาที่สามารถพัฒนาเว็บไซต์ได้ทั้งส่วนหน้าบ้าน และส่วนหลังบ้าน โดยส่วนหน้าบ้านคือสิ่งที่ผู้ใช้เห็นและโต้ตอบด้วย ขณะที่ส่วนหลังบ้านคือตัวขับเคลื่อนเว็บไซต์ โดยผู้ที่มีความสามารถพอที่จะทำตำแหน่งนี้ต้องรู้จักการเขียนโค้ด เช่น JavaScript และ Python รวมทั้งต้องทดสอบเว็บไซต์และซอฟต์แวร์ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองส่วนสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
โดยงาน Full Stack Development บน Upwork ได้รับค่าจ้างสูงถึง 135 ดอลลาร์ (ราว 4,542 บาท) ต่อชั่วโมง
2. Mobile App Development
นักพัฒนาแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ คือวิศวกรซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างแอปสำหรับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ดังนั้นผู้ต้องการทำงานตำแหน่งนี้ต้องรู้ภาษาเขียนโค้ด การแก้ไขข้อบกพร่องใดๆ ที่เกิดขึ้นในซอฟต์แวร์ และทำงานร่วมกับนักออกแบบกราฟิกและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลเพื่อสร้างแอป
สำหรับตำแหน่งนี้อาจได้ค่าตอบแทนมากถึง 155 ดอลลาร์ (ราว 5,215 บาท) ต่อชั่วโมง
3. Web Design
นักออกแบบเว็บไซต์ ต้องมีความสามารถในการสร้างฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะสม และต้องรู้ภาษาโปรแกรมต่างๆ เช่น HTML และ JavaScript และซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิก เช่น Adobe Photoshop
โดยนักออกแบบเว็บไซต์บน Upwork ได้ค่าตอบแทนมากถึง 250 ดอลลาร์ (ราว 8,412 บาท) ต่อชั่วโมง
4. UX/UI Design
นักออกแบบ UX/UI ซึ่งมีหน้าที่สร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้บนเว็บไซต์และแอป ต้องมีทักษะการวางแผนโครงสร้างของเว็บไซต์ พัฒนาเนื้อหา สร้างต้นแบบ และทดสอบจุดบกพร่อง
สำหรับตำแหน่งนี้อาจได้ค่าตอบแทนมากถึง 120 ดอลลาร์ (หรือราว 4,039 บาท) ต่อชั่วโมง
5. CMS Development
ระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System) หรือ CMS เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้จัดการเนื้อหาต่างๆ ตั้งแต่การสร้างไปจนถึงการเผยแพร่ นอกจากนี้ยังช่วยเก็บเนื้อหาไว้ในฐานข้อมูลเพื่อใช้ในภายหลังด้วย ดังนั้นนักพัฒนา CMS จึงมีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาทั้งส่วนหลังและส่วนหน้าของซอฟต์แวร์
โดยนักพัฒนา CMS อาจได้ค่าตอบแทนมากถึง 105 ดอลลาร์ (หรือราว 3,532 บาท) ต่อชั่วโมง
6. Manual Testing
ผู้เชี่ยวชาญในตำแหน่งนี้ต้องทดสอบการทำงานของซอฟต์แวร์ โดยไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติใดๆ ช่วย พวกเขาต้องทำให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์สามารถทำงานอย่างถูกต้องในสถานการณ์ต่างๆ และจดข้อบกพร่องหรือปัญหาใดๆ ระหว่างการใช้งานด้วย
ผู้ทดสอบแบบแมนวลนี้อาจได้ค่าตอบแทนมากถึง 50 ดอลลาร์ (หรือราว 1,682 บาท) ต่อชั่วโมงบน Upwork
7. Script and Automation
สำหรับ Automation Scripts คือรายการคำสั่งซอฟต์แวร์ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ เช่น การส่งอีเมลถึงลูกค้า โดยผู้ที่ทำตำแหน่งนี้ต้องเขียนโค้ดต่างๆ ได้ เช่น Python และ JavaScript
สำหรับตำแหน่งนี้อาจได้ค่าตอบแทนมากถึง 350 ดอลลาร์ (หรือราว 11,774 บาท) ต่อชั่วโมง
Margaret Lilani รองประธานฝ่าย Talent Solutions ของ Upwork กล่าวว่า เราใช้เทคโนโลยีทุกวัน เพื่อทำงาน เรียนรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้คนพึ่งพาอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ในการเชื่อมต่อ
โดยหากใครต้องการได้รับทักษะเหล่านี้ Salemi แนะนำว่า สามารถค้นหาหลักสูตรประกาศนียบัตรออนไลน์ หลักสูตร MBA หรือหลักสูตรต่างๆ ในวิทยาลัยชุมชนได้
อ้างอิง: