การเคลื่อนไหวของหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ยังคง ‘ร้อนแรง’ ต่อเนื่อง ล่าสุดเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาหุ้น ณ เวลา 12.00 น. ปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 544 บาท เพิ่มขึ้น 106 บาท หรือ 24.20% แม้ว่าก่อนหน้านี้สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนจะออกมาเตือนว่าหุ้น DELTA ราคาพุ่งแซงหน้าบริษัทแม่ที่ไต้หวันไปแล้วก็ตาม
โดยเมื่อวานนี้ (29 ธันวาคม) กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าหากเปรียบเทียบมูลค่า (Market Cap.) ของ DELTA กับบริษัทแม่คือ Delta Electronics ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไต้หวัน มีมูลค่าราว 7 แสนล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมามูลค่าของ DELTA ขึ้นไปสูงกว่าบริษัทแม่ ในขณะที่มีรายได้คิดเป็นเพียงประมาณ 25% ของบริษัทแม่ สะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้น DELTA ซื้อขายในระดับที่แพงเกินไป
ปัจจุบันราคาพื้นฐานที่นักวิเคราะห์ให้ไว้สูงสุดสำหรับ DELTA อยู่ที่ 263 บาท โดยนักวิเคราะห์คาดว่า DELTA จะทำกำไรปีหน้าได้ประมาณ 8 พันล้านบาท (9 เดือนแรกของปี 2563 ทำได้ 5.5 พันล้านบาท) คิดเป็น P/E 77 เท่าในปี 2564 แต่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 37 เท่า ในเชิงปัจจัยพื้นฐานจึงไม่ควรเข้าซื้อลงทุนแล้ว โดย Consensus แนะนำขายทั้งหมด
ด้าน เอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้หุ้น DELTA ได้แรงหนุนจากความคาดหวังต่อการเติบโตไปตามอุตสาหกรรม Data Center และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตโดดเด่น ทำให้กำไรของบริษัทในปี 2564 จะยังเติบโตได้ 15.2% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 127.1%
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็วและแรงในปีนี้ตอบรับความคาดหวังเชิงบวกไปค่อนข้างมาก ทำให้ราคา DELTA ซึ่งปิดที่ 560 บาท เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 คิดเป็น P/E 80 เท่า และ P/BV 16 เท่าสำหรับปี 2564
“หากนักลงทุนต้องการเข้าลงทุนในหุ้น DELTA ควรระมัดระวังในการลงทุน แต่ในส่วนปัจจัยพื้นฐาน เรายังแนะนำขาย เพราะราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐานที่ประเมินไว้ 150 บาท สำหรับปี 2564 ไปสูงมาก”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์