ราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ปิดการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (25 ธันวาคม) ที่ 672 บาท เพิ่มขึ้น 136 บาท หรือ 25.37% มูลค่าการซื้อขาย 5,824.70 ล้านบาท โดยระหว่างวันราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 686 บาท
แหล่งข่าววงการตลาดทุนกล่าวว่าเหตุผลสำคัญที่รองรับการปรับเพิ่มขึ้นของหุ้น DELTA ได้ก็คือเรื่องการเข้ากลุ่มดัชนี SET50/SET100 ซึ่งจะมีผลในต้นปี 2564 ทันที หลังจากตลาดหลักทรัพย์ประกาศรายชื่อไปเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ด้วยราคาหุ้นปัจจุบัน หุ้น DELTA มีมาร์เก็ตแคปใหญ่เป็นอันดับ 3 มีนำ้หนักต่อ SET ประมาณ 5% ขณะที่มีน้ำหนักต่อ SET50/SET100 ประมาณ 7-8% และเมื่อ Passive Fund และกอง ETF ต้องมีหุ้น DELTA ในปีหน้าทันที ทำให้ต้องเข้าลงทุนในประมาณ 7-8% ซึ่งเป็นมูลค่าการลงทุนที่ค่อนข้างมาก
โดยปัจจุบันมูลค่าการลงทุนของกอง Passive Fund และกอง ETF อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท หากต้องลงทุน 7-8% ใน DELTA คิดเป็นมูลค่าลงทุน 4,000 ล้านบาท ซึ่งก็มีทั้งกองทุนที่ทยอยสะสมและกองทุนที่ลงทุนครั้งเดียวตามสัดส่วนที่ต้องมี
สิ่งที่น่าติดตามคือในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันทำการวันสุดท้ายของตลาดหลักทรัพย์จะมีแรงซื้อที่ราคาปิดตลาด (ATC) ค่อนข้างมากจากฝั่งนักลงทุนที่เป็นกอง ETF เพราะกลุ่มดัชนี SET50 /SET100 ใหม่จะมีผลปีหน้าทันที
นอกจากนี้ยังมีกองทุน ETF ต่างประเทศ อาทิ MSCI Index Fund ต่างๆ ที่เรายังไม่รู้ข้อมูลอีกว่ามีสัดส่วนการลงทุนใน SET50 /SET100 เท่าไร รวมทั้งมีแรงเก็งกำไรจากนักลงทุนในประเทศที่เข้ามาซื้อเพื่อดักการลงทุนของกองทุน
อย่างไรก็ตาม หากประเมินในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้ว DELTA จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น โดย DELTA จะได้อานิสงส์จากธุรกิจ Data Center ค่อนข้างมาก
“แต่ก็ยังคิดว่าราคาหุ้นสูงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมาก” แหล่งข่าวกล่าว
วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.พรินซิเพิล กล่าวว่ากรณีราคาหุ้น DELTA ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากส่วนหนึ่งเป็นการเพราะการเข้ากลุ่มดัชนี SET50/SET100 ทำให้กองทุนต้องลงทุนในหุ้นนี้ด้วย โดยเฉพาะกองทุนประเภท Passive Fund หรือกองทุนที่ลงทุนในดัชนีต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับปัจจัยพื้นฐานแล้วมองว่าราคาไปไกลกว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทมาก และแม้จะมีปัจจัยบวกเรื่องกลุ่มเทคโนโลยีที่จะเป็นเทรนด์ในอนาคต แต่หุ้นอื่นในกลุ่มเดียวกัน อาทิ HANA ราคาก็ไม่ได้ปรับขึ้นมากเท่านี้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นของ DELTA มีผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไปด้วย โดยดึงให้ดัชนีปรับขึ้นมา 40-50 จุด จึงเป็นที่น่าจับตาว่าหากราคาปรับลดลงเพื่อสอดรับปัจจัยพื้นฐานก็จะมีผลต่อภาพรวมดัชนีด้วยเช่นกัน
“เท่าที่ได้รับข้อมูล ทางตลาดหลักทรัพย์และสำนักงาน ก.ล.ต. เองก็มีการตรวจสอบข้อมูลการทำรายการซื้อขายของหุ้น DELTA และไม่พบความผิดปกติในการทำรายการซื้อขายใด ด้วยราคาที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แม้จะมีเรื่องการเข้ากลุ่มดัชนี SET50/SET100 ทำให้กอง Passive Fund และกอง ETF ต้องเข้าซื้อ แต่ก็ยังมองว่าราคาแพงเกินไปอยู่ดี”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์