ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นแตะ 1,315 จุด เพิ่มขึ้นสูงสุดระหว่างวัน 8.57 จุด จากวันก่อน ด้วยแรงหนุนของ หุ้น DELTA หรือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ที่ปรับตัวขึ้นสูงสุด 11% ไปแตะระดับ 103 บาท ในช่วงเช้า ทำจุดสูงสุดในรอบ 10 เดือน
แรงหนุนสำคัญต่อราคาหุ้น DELTA วันนี้ มาจากการรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งทำได้ 6,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.6% จากปีก่อน และ 52.4% จากไตรมาสแรก โดยกำไรที่ทำได้ถือเป็นกำไรสูงสุดรายไตรมาสของบริษัท
ปัจจัยหลักที่หนุนกำไร DELTA มาจากยอดขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น 16.6% มาเป็น 41,772 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มโซลูชันระบบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในดาต้าเซ็นเตอร์และการคำนวณสมรรถนะสูง
นอกจากนี้ ยอดขายในกลุ่มพาวเวอร์ซิสเต็มสำหรับเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล (ICT Infrastructure) และกลุ่มพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Solutions) ส่งสัญญาณฟื้นตัวของรายได้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ประเมินว่า DELTA จะได้ประโยชน์จากความต้องการพลังงานและระบบระบายอากาศในเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ที่จะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ไปจนถึงปี 2568 ตามการใช้งานระบบ Cloud และ AI Training
ทั้งนี้ ประมาณการยอดขายธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะมียอดขายราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 30% ของรายได้จากการขาย ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI จะมียอดขายราว 8-10% ของรายได้ปี 2567
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากไม่รวมกำไรพิเศษ กำไรของ DELTA จะอยู่ที่ราว 5.9 พันล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์ของเรา 18% และสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด 26%
“กำไรที่ดีขึ้นมาจากสินค้าในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งเป็นกลุ่มที่อัตรากำไรขั้นต้นดี ทำให้เราเห็นอัตรากำไรขั้นต้นของ DELTA เพิ่มขึ้นมาเป็น 26.9% ในไตรมาสนี้ จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 21% และปีก่อนอยู่ที่ 23%”
อย่างไรก็ตาม ในมุมของการลงทุน ภาดลแนะนำว่า DELTA ยังเหมาะกับการเก็งกำไรเท่านั้น ด้วยราคาหุ้นในปัจจุบันที่ไม่ถูกนัก หากมองจากอัตราส่วน P/E ที่ 46 เท่า สำหรับกำไรปีหน้า และ P/E 54 เท่า จากกำไรปีนี้
“สาเหตุที่หุ้น DELTA ซื้อขายด้วยราคาพรีเมียม เพราะหุ้นไทยที่เกี่ยวข้องกับ AI และดาต้าเซ็นเตอร์มีให้เลือกไม่มากนัก และถ้ามองภาพรวมหุ้นไทยในเวลานี้ จะเห็นว่าหุ้นที่ราคาถูกมักจะผลประกอบการไม่ดีนัก นอกจากนี้ ด้วย Free Float ของหุ้นที่ต่ำเพียง 23% ก็เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนให้ราคาหุ้นซื้อขายในราคาพรีเมียม”