เดธ วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘หุบเขามรณะ’ เพราะความร้อนและแห้งแล้งที่ยากต่อการดำรงชีวิต สถานที่แห่งนี้เคยสร้างสถิติอุณหภูมิสูงที่สุดในโลกที่ 56.7 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ปี 1913 แต่ไม่เพียงเท่านี้ ดินแดนมรณะยังคงเกิดปรากฏการณ์ร้อนต่อเนื่อง และได้ทุบสถิติอุณหภูมิเฉลี่ยต่อเดือนสูงที่สุดในโลกที่ระดับ 42.28 องศาเซลเซียส หรือ 108.1 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสถิติเดือนที่ร้อนที่สุดในโลกเท่าที่เคยวัดมา
อุณหภูมิระดับสถิติใหม่นี้เริ่มรายงานครั้งแรกโดย ไบรอัน เบรตชไนเดอร์ นักวิจัยด้านภูมิอากาศแห่งมหาวิทยาลัยอะแลสกา ซึ่งเขายืนยันว่าตัวเลขที่วัดได้เฉือนสถิติเดือนที่ร้อนที่สุดที่เดธ วัลเลย์เคยทำไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ข้อมูลจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า ในช่วงวันที่ 24-27 กรกฎาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิความร้อนได้พุ่งไปถึง 52.78 องศาเซลเซียส (127 องศาฟาเรนไฮต์) ซึ่งเป็นสถิติของเดือนติดต่อกัน 4 วัน และไม่มีวันไหนที่อุณหภูมิสูงสุดจะต่ำกว่า 45 องศาเซลเซียส และมีอย่างน้อย 10 วัน ที่อุณหภูมิต่ำสุดในรอบวันอยู่เหนือ 37.78 องศาเซลเซียส
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีคนตั้งคำถามตามมาว่า หากแนวโน้มยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เดธ วัลเลย์จะกลายเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่
ไมเคิล แมนน์ นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศและผู้อำนวยการศูนย์ Earth System Science Center แห่งมหาวิทยาลัยรัฐเพนซิลเวเนีย กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้อุณหภูมิที่เดธ วัลเลย์สูงขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวข้องกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศทั่วโลกจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ก็มีปัจจัยความผันผวนของสภาพอากาศทั่วไปเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อ้างอิง: