เดเวียน คิมโบรห์ รู้จักไอ้หนูมหัศจรรย์ เป็นนักเตะอาชีพในวัย 13 ปี

เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตอน 13…

สำหรับหลายคน ความทรงจำในวัยเด็กที่ก้าวสู่ช่วงการเป็นวัยรุ่นถือเป็นหนึ่งช่วงความทรงจำที่ชัดเจนที่สุด ด้วยความที่เป็นวัยที่เริ่มจะโตและโลกที่เคยรู้จักก็กำลังกว้างใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

หลายคนเริ่มฟังเพลงอย่างจริงจัง บางคนไปไกลกว่านั้น หัดเริ่มเล่นดนตรีอยู่ที่บ้านเงียบๆ บางคนหัดเรียนภาษาที่สองจากการดูหนังและซีรีส์ ขณะที่อีกหลายคนเริ่มรู้จักคำว่ารักและหัวใจเต้นแรงเป็นครั้งแรก

แต่สำหรับเดเวียน คิมโบรห์ เด็กหนุ่มวัย 13 ปี ชาวอเมริกัน ความทรงจำตอนอายุเท่านี้ของเขาไม่ค่อยเหมือนเราสักเท่าไร

เพราะในขณะที่ผู้เขียนเริ่มเล่นฟุตบอลแบบจริงจังเป็นครั้งแรกตอนอายุใกล้เคียงกัน

คิมโบรห์ได้โอกาสประเดิมสนามในฐานะการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และกลายเป็นนักเตะประวัติศาสตร์คนใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

เรื่องราวของไอ้หนูมหัศจรรย์คนนี้เป็นมาอย่างไร ขออนุญาตเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟัง…

ชื่อของเดเวียน คิมโบรห์ ดังกระฉ่อนสหรัฐอเมริกาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เขาถูกส่งลงสนามในเกมฟุตบอลลีกอาชีพ (ย้ำ ลีกอาชีพ!)

โดยเกมดังกล่าวคือเกมลีก ‘ยูเอสแอล แชมเปียนชิป’ ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลขั้นที่ 2 ของสหรัฐฯ รองจากเมเจอร์ลีกซอคเกอร์ (MLS) ในคู่ระหว่างซาคราเมนโต รีพลับลิก กับลาสเวกัส ไลต์ส

“Once I got on the field [it’s] just soccer, so just doing what I love.” ❤️⚽️

Da’vian Kimbrough living the dream at just 13. pic.twitter.com/cgKTzH0pGd

— x – Republic FC (@SacRepublicFC) October 2, 2023

ความจริงเกมนี้ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรมากนัก แต่กลับกลายเป็นเกมระดับประวัติศาสตร์ เพราะเจ้าหนูคิมโบรห์ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 87 และทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นเกม ‘ซอคเกอร์’ อาชีพในสหรัฐฯ

สถิติบันทึกเอาไว้ว่า 13 ปี 7 เดือน กับอีก 13 วัน

ก่อนหน้าที่สถิติจะเป็นของคิมโบรห์ เจ้าของสถิติเดิมคือ แอ็กเซล เค ที่เป็นเจ้าของสถิติลงเล่นให้เรอัล โมนาร์ช ในเกมที่พบกับโคโลราโดสปริงส์ สวิตช์แบ็กส์ ด้วยวัย 13 ปี 9 เดือน กับอีก 9 วัน

อย่างไรก็ดี การทำลายสถิติของคิมโบรห์ไม่ได้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาตกเป็นข่าวฮือฮามาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับซาคราเมนโต รีพลับลิก ทำให้กลายเป็นนักกีฬาอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ด้วยวัย 13 ปี 5 เดือน กับอีก 13 วัน

โดยการที่เขาได้รับสัญญาฉบับนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของ ‘กิมมิก’ อย่างเดียวเสียเมื่อไร

ในทางตรงกันข้าม คิมโบรห์สร้างชื่อมาตั้งแต่ที่เริ่มเซ็นสัญญาเข้าอะคาเดมีของทีมซาคราเมนโตในปี 2021 ซึ่งตอนนั้นอายุแค่ 11 ปี และทำผลงานยิงได้ 27 ประตูจากการลงสนาม 31 นัด เป็นดาวเด่นของทีมเยาวชนของสโมสรในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปีทันที

ผลงานของเขายังมีส่วนช่วยให้ทีมซาคราเมนโต รีพลับลิก รุ่นยู-13 สร้างผลงานระบือลั่นวงการลูกหนังเยาวชนอเมริกัน ด้วยการสร้างผลงานชนะ 30 นัด และแพ้แค่นัดเดียว รวมถึงการสร้างสถิติชนะรวดติดต่อกันถึง 27 นัด

ปีถัดมาคิมโบรห์ขยับขึ้นมาเล่นในทีมซาคราเมนโตในรุ่นอายุไม่เกิน 14 และ 15 ปี โดยยังคงสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการพาทีมจบอันดับ 1 ในรายการ MLS NEXT ซึ่งเป็นลีกเยาวชนของ MLS ทำผลงานยิง 34 ประตู จากการลงสนาม 50 นัด

สุดท้ายในช่วงเวลา 2 ปีที่ได้ลงสนามในรายการ MLS NEXT เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอด ยิงไป 61 ประตู จากการลงสนาม 81 นัด

และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่อายุน้อยที่สุด ทำลายสถิติเดิมของแม็กซิโม คาร์ริสโซ (นิวยอร์กซิตี้ เอฟซี, MLS, 14 ปี) และ เมลานี บาร์เซนาส (ซานดิเอโก เวฟ, NWSL, 15 ปี 4 เดือน 19 วัน)

ทอดด์ ดูนิแวนต์ ผู้จัดการทีมทั่วไปของซาคราเมนโต รีพับลิก เล่าถึงเบื้องหลังในการเร่งรีบทั้งเซ็นสัญญาและเปิดตัวเขาว่า เกิดจากเหตุผลสำคัญที่คิมโบรห์แสดงให้ทุกคนเห็นและเชื่อว่าเขาดีพอแล้วจริงๆ สำหรับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

“ในช่วงปีที่ผ่านมา บรรดาโค้ชอะคาเดมีพยายามสะกิดผมกับ มาร์ก (บริกก์ส โค้ชชุดใหญ่ของซาคราเมนโต) ว่าเด็กคนนี้แตกต่างจากคนอื่น เด็กคนนี้มีความพิเศษ”

สำหรับดูนิแวนต์ แม้จะมีประสบการณ์ในวงการ ‘ซอคเกอร์’ มายาวนาน แต่สิ่งที่จะโน้มน้าวใจของเขาได้คือความเห็นจากสตาฟฟ์โค้ช เพราะเป็นคนที่ได้คลุกคลีอยู่กับเด็กๆ ทั้งวัน

จุดเปลี่ยนอยู่ในการที่คิมโบรห์ได้รับเชิญให้ไปร่วมลงแข่งทัวร์นาเมนต์สำหรับเด็กที่ยุโรป ที่เขาแสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ที่พิเศษและแตกต่างจากคนอื่น จนทำให้เมื่อกลับมาจากเบลเยียม ทีมได้พูดคุยกับครอบครัว ก่อนที่จะเห็นชอบร่วมกันที่จะให้เขาเริ่มขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ได้เลย

ไอเดียเดิมนั้นแค่ต้องการให้คิมโบรห์ได้ลองซ้อมกับนักฟุตบอลที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งหลายคนมีประสบการณ์การเล่นในระดับ MLS หรือในลีกระดับท็อป 5 ของยุโรปมาก่อน แต่ปรากฏว่าไอ้หนูมหัศจรรย์ยังทำให้ทุกคนประหลาดใจ เพราะสามารถซ้อมร่วมกับพี่ๆ ได้เป็นอย่างดี อยู่ซ้อมได้ครบทุกเซสชัน

นั่นทำให้ทุกคนมั่นใจแล้วว่าเขาดีพอที่จะได้รับสัญญาอาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องของวัย เพราะในเกมฟุตบอลมีคำพูดหนึ่งว่า

“ถ้าเก่งพอ ก็ถือว่าแก่พอ”

โดยที่อีกเหตุผลหนึ่งคือการเซ็นสัญญากับซาคราเมนโตจะทำให้ครอบครัวยังสามารถดูแลเขาได้อยู่ ดีกว่าที่จะโดนทีมใหญ่ใน MLS เช่น นิวยอร์ก เรดบูลส์ หรือสโมสรใหญ่ในยุโรปมาฉกเอาตัวไปตั้งแต่ยังอายุน้อยแค่นี้

อีกทั้งยังเป็นการตอบแทนต่อซาคราเมนโตที่ให้โอกาสและฟูมฟักมาเป็นอย่างดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนในอนาคตนั้นความฝันของเด็กน้อยคือการได้ไปเล่นในยุโรป

“เรื่องนี้คือความฝันของเขา” ดอม คิมโบรห์ พ่อของไอ้หนูมหัศจรรย์บอก “เรารู้สึกได้ว่าถ้าสิ่งนี้คือความฝันของเขา นี่คือเส้นทางที่เราได้มีการคุยกับสโมสรแล้วว่าจะช่วยพาเขาก้าวเดินไปได้อย่างถูกทาง เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ไปสู่เป้าหมายในการเล่นในยุโรปกับ 5 ลีกระดับท็อป”

อย่างไรก็ดี ดูนิแวนต์เองตระหนักดีว่า สำหรับเด็กอายุแค่นี้ สิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือการสร้างแรงกดดันให้กับเขา

ในอดีตสหรัฐฯ เคยมีนักเตะที่สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่าง เฟรดดี อาดู ที่ถึงขั้นได้รับการยกย่องว่าจะเป็น ‘เปเล่คนใหม่’ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของดีซี ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 14 ปี รวมถึงได้เป็นนักกีฬาของ Nike และได้โอกาสในการลงสนามใน MLS ตั้งแต่อายุน้อยๆ

แต่ปรากฏว่าชีวิตหลังจากนั้นของอาดูตกต่ำอย่างน่าเศร้า เขาต้องระเห็จไปอยู่กับหลายสโมสรในหลายประเทศ ทั้งในโปรตุเกส, ตุรกี, บราซิล, เซอร์เบีย, ฟินแลนด์ และสวีเดน

เด็กมหัศจรรย์ต้องพังทลายเพราะชื่อเสียงและความคาดหวังที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดูนิแวนต์ยืนยันว่าจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นกับคิมโบรห์เป็นอันขาด โดยสโมสรพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยประคองเขาให้ก้าวเดินต่อไปอย่างถูกต้อง

เพราะการก้าวเดินเร็วไม่ได้แปลว่าปลายทางจะสวยงามเสมอไป มันต้องมีวันที่ยากลำบาก และเขาต้องเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้

ว่าแต่สำหรับคิมโบรห์แล้ว ความรู้สึกในการลงสนามนัดแรกเป็นอย่างไร?

“พอลงไปในสนามแล้ว สำหรับผมมันก็เป็นแค่เกมหนึ่ง ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมรัก”

โคตรหล่อ! ใจเอ็งมันได้ไอ้น้อง 🙂

อ้างอิง: