นิทรรศการ Bangkok 3024 ของศิลปินแห่งยุคชาวอเมริกัน Daniel Arsham ที่กำลังจะเกิดขึ้นวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในงานระดับโลกที่ตอกย้ำบทบาทของกรุงเทพฯ ในวงการศิลปะที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนที่งานแสดงผลงานศิลปะแบบอิมเมอร์ซีฟจะเกิดขึ้น ทาง THE STANDARD POP ก็ได้มีการสัมภาษณ์กับ Daniel ในรูปแบบ Email Interview เพื่อได้อินไซต์เกี่ยวกับงานนี้
ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน และคุณกำลังทำโปรเจกต์อะไรอยู่
ตอนนี้ผมมาร่วมงาน ‘Venice Biennale ครั้งที่ 60’ ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
ช่วยอธิบายคอนเซปต์นิทรรศการ Bangkok 3024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยหน่อย
Bangkok 3024 เกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปีของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งในโอกาสที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซีเดินทางมาถึง 1 ทศวรรษเต็ม ด้วยการเดินไปบนเส้นทางสำรวจที่ทั้งท้าทายความคิดและกาลเวลา เพื่อพาทุกคนเดินทางสู่อนาคตในอีก 1,000 ปีข้างหน้า
นิทรรศการครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งก่อนๆ ของคุณอย่างไร?
ผมรวบรวมผลงานหลายชิ้นจากหลากหลายยุคมาไว้ด้วยกันที่นี่ นอกจากนี้พื้นที่แสดงและจัดวางผลงานก็เป็นประสบการณ์พิเศษในตัวของมันเองแล้ว
คุณคิดว่ากรุงเทพฯ มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ ในโลก เช่น นิวยอร์ก โตเกียว และปารีส?
ผมมากรุงเทพฯ ครั้งแรกตอนอายุ 19 ปี ประสบการณ์ที่ผมได้รับทั้งในเมืองและในประเทศไทยส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงกับตัวผม ซึ่งเมื่อคิดถึงการนำผลงานมาแสดงในประเทศไทย ก็ทำให้ผมนึกถึงการมาเยือนประเทศไทยครั้งแรกในปี 1999 ที่แตกต่างไปมาก ผมแน่ใจว่าผมยังจำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งกลิ่นอาหารบนถนน รถตุ๊กตุ๊ก วัดวาอาราม หรือการได้อยู่บนเรือที่ล่องไปในแม่น้ำ รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ผมพยายามที่จะทำให้งานของผมทำงานกับผู้ชมไม่ว่าที่ไหนในโลก เพื่อให้ผู้คนไม่ว่าจะในกรุงเทพฯ นิวยอร์ก บราซิล หรือโตเกียว สามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในตัวงานได้ ผลงานทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ตัวงานอ้างอิงถึงซึ่งผู้ชมสามารถเข้าถึงได้
อะไรคือสิ่งที่คุณอยากให้ผู้ชมได้รับจากการมาชมนิทรรศการ Bangkok 3024
นี่จะเป็นนิทรรศการศิลปะครั้งแรกของผมในกรุงเทพฯ ผมเคยมาดูพื้นที่จัดงานแล้ว ซึ่งเป็นลานเปิดโล่งขนาดใหญ่ และผมคิดมาตลอดว่าจะแบ่งพื้นที่นี้ออกเป็นพื้นที่รับชมเฉพาะบุคคล แกลเลอรี หรือช่องต่างๆ และผมได้เลือกที่จะสร้างซีรีส์กำแพงที่ถูกกัดเซาะ นำมาจัดวางให้ผู้ชมสามารถเดินผ่านเพื่อชมประติมากรรมแต่ละชิ้นซึ่งถูกนำมาจัดวางไว้ในพื้นที่เฉพาะสำหรับแต่ละชิ้น
ผมคิดเสมอว่าสถานที่ที่ดีที่สุดในการค้นหางานศิลปะคือที่ที่เราไม่คาดคิด นี่คือจุดที่เราสามารถเห็นปฏิกิริยาตอบรับที่เป็นธรรมชาติที่สุด แทนที่จะรู้สึกเหมือนมาดูงานศิลปะก็จะกลายเป็นความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ซึ่งผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ศิลปะควรจะเป็น
ผมคิดว่าศิลปะเป็นการสื่อสารประเภทหนึ่งที่ก้าวข้ามทุกขีดจำกัดของวัฒนธรรมและภาษา เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเสพได้ และความหมายของมันก็ค่อนข้างเปิดกว้าง ดังนั้นผมจึงมองว่าผลงานของผมเป็นเหมือนบัตรเชิญที่จะชวนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมมากกว่าอย่างอื่น
ภาพ: Daniel Arsham Studio