กล้องบันทึกวิดีโอเผยเหตุการณ์ขณะที่เรือยามฝั่งลำหนึ่งของจีนขวางเรือตรวจการณ์ของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ จนทำให้เรือสองลำเกือบชนกันในน่านน้ำข้อพิพาทซึ่งต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์ ขณะที่ฟิลิปปินส์โวยว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปักกิ่งดำเนินกลยุทธ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้
นักข่าวจาก BBC เป็นประจักษ์พยานเหตุการณ์การเผชิญหน้าอันตึงเครียดใกล้กับสันดอนโทมัสที่ 2 (Second Thomas Shoal) ในหมู่เกาะสแปรตลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 เมษายน) ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นคล้อยหลังเพียงวันเดียวหลังจากประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ พบกับ ฉินกัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีนในกรุงมะนิลา และแสดงความหวังว่าจะมีการเปิดช่องทางการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
หน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์ได้เชิญนักข่าวจากสื่อต่างประเทศเข้าร่วมการลาดตระเวนตามปกติในน่านน้ำข้อพิพาทเป็นครั้งแรก เพื่อให้สื่อมวลชนเห็นปฏิบัติการของจีนด้วยตาของตนเอง ซึ่งตลอดการเดินทาง 1,670 กิโลเมตรของเรือยามฝั่งของฟิลิปปินส์ 2 ลำ ได้แก่ Malapascua และ Malabrigo ในช่วงเวลา 6 วัน กล้องข่าวสามารถจับภาพเหตุการณ์ในขณะที่เรือยามฝั่งของจีนติดตามและออกคำสั่งในภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้เรือฟิลิปปินส์ทั้ง 2 ลำออกจากน่านน้ำหลายครั้ง ขณะที่เรือฟิลิปปินส์เองก็ได้ส่งวิทยุเตือนให้เรือจีนถอยห่างออกไปเช่นกัน
โดยเมื่อวันที่ 23 เมษายน ในขณะที่เรือยามฝั่ง 2 ลำของฟิลิปปินส์ กำลังนำสื่อมวลชนร่วมตรวจการณ์ทะเลจีนใต้นั้น เรือยามฝั่งจีนมุ่งหน้ามายังเรือ Malapascua และอยู่ใกล้เพียงระยะ 45 เมตร จนทำให้เรือฟิลิปปินส์ต้องตัดสินใจดับเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้เกิดการชนกัน โดยเรือยามฝั่งจีนพยายามขวางการเดินเรือยามฝั่งฟิลิปปินส์เป็นประจำขณะลาดตระเวนบริเวณสันดอนโทมัสที่ 2 จากการเปิดเผยของ โรเดล เฮอร์นันเดซ ผู้บังคับการเรือ Malapascua
“จีนใช้ยุทธวิธีต่างๆ เช่น การติดตาม (Shadowing) มานานแล้ว แต่เพราะสื่อ จึงทำให้ทั้งโลกเพิ่งมีโอกาสได้เห็น” พล.ร.จ. เจย์ ทาร์รีเอลา โฆษกหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ กล่าว พร้อมทั้งเผยด้วยว่า ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เรือของจีนบางลำปฏิเสธที่จะตอบสนองต่อคำเตือนจากเรือฟิลิปปินส์ และบางลำถึงขั้นปิดกลไกติดตามเพื่อให้เรดาร์จับสัญญาณไม่ได้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แถลงว่า “จีนดำเนินกลยุทธ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง” ณ บริเวณสันดอนโทมัสที่ 2 และระบุว่า การลาดตระเวนพื้นที่ดังกล่าวเป็นประจำนั้นอยู่ในอำนาจของฟิลิปปินส์ ในทางกลับกัน ปักกิ่งกล่าวหาว่า ฟิลิปปินส์ล่วงล้ำเข้าไปในน่านน้ำของจีน
ทั้งนี้ สันดอนโทมัสที่ 2 เป็นแหล่งประมงที่อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันถูกกองทัพฟิลิปปินส์ยึดครอง โดยมีชื่อเรียกในภาษาฟิลิปปินส์ตามชื่อของปลาท้องถิ่นขนาดเล็กว่า Ayungin สันดอนแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งนอกจากจีนและฟิลิปปินส์แล้วยังมีอีกหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน และไต้หวัน อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว
การเผชิญหน้าและข้อพิพาทต่างๆ ทำให้ทะเลจีนใต้กลายเป็นหนึ่งในจุดวาบไฟ (Flashpoint) หรือจุดพร้อมปะทุที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเพิ่มสูงขึ้น โดยการเข้าถึงน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้เป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องไต้หวัน นอกจากนี้เส้นทางน้ำเหล่านี้ยังรองรับการค้าโลกมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ทำให้เกิดความกังวลว่าการแผ่ขยายอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของปักกิ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าในบริเวณนี้
ภาพ: Eloisa Lopez / REUTERS
อ้างอิง:
