สำนักวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือวิจัยกรุงศรี ประเมินว่า แม้ว่าตัวเลขผู้ติดโควิดรายวันของไทยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และภาครัฐมีแผนจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะที่ 2 เพิ่มอีก 4 จังหวัดพื้นที่นำร่องในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่, แม่ริม, แม่แตง และดอยเต่า) จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง, พัทยา และสัตหีบ) จังหวัดเพชรบุรี (อำเภอชะอำ) และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อำเภอหัวหิน) แต่ความกังวลและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการติดโควิดในไทยจะยังสูงอยู่อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2564
โดยในกรณีฐานที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมากในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะช่วยควบคุมการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง ภายใต้สมมติฐานว่า ฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 460,000 โดส และประสิทธิภาพของวัคซีนต่อไวรัสสายพันธุ์เดลตาอยู่ที่ 50% วิจัยกรุงศรีประเมินว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะมีแนวโน้มลดลงอย่างช้าๆ ตลอดช่วงที่เหลือของปี โดยคาดว่า ในช่วงสิ้นปีจะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2,500 รายต่อวัน และเสียชีวิตราว 40 รายต่อวัน
ดังนั้นมาตรการควบคุมการระบาดจึงยังมีความจำเป็น การผ่อนคลายมาตรการควรดำเนินการไปทีละขั้นตอน แต่ยังคงข้อจำกัดบางประการด้วยความระมัดระวังตลอดทั้งปี ทั้งนี้ อาจมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ หรือเป็นช่วงที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงต่ำกว่า 150 รายต่อวัน
อย่างไรก็ดี ในกรณีเลวร้าย แม้จะฉีดวัคซีนได้ 90 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจยังอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากวัคซีนมีประสิทธิภาพต่ำและผ่อนคลายมาตรการควบคุมเร็วเกินไป ในกรณีนี้อาจเห็นการกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง
ในระยะเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา การระบาดของโควิดส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละเกือบ 2 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนต่อปี ขณะที่การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มล่าช้า
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดว่า กว่าที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดอาจต้องใช้เวลาหลายปีหรือราวปี 2568 ปัจจุบันแม้แผนการฉีดวัคซีนจะเร่งขึ้น แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีเพียง 0.15 ล้านคน และ 2.5 ล้านคน ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ ผลจากการระบาดที่รุนแรงกว่าคาดจึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและทำให้แผนการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวหลักบางแห่งเลื่อนช้าออกไป อีกทั้งหลายประเทศสำคัญได้ปรับยกระดับคำเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาประเทศไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอังกฤษ
นอกจากนี้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย อาจล่าช้า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนและการกลายพันธุ์ของไวรัส