ครั้งแรกที่รถกระบะ Cybertruck เผยโฉมออกมาให้โลกเห็น ความเห็นในวงการรถยนต์และโลกออนไลน์ก็เสียงแตกกันไปในหลายทิศทาง บ้างก็ว่ามันคือผลงานนวัตกรรมชิ้นเอกของ Tesla บ้างก็ว่ามันเป็นรถที่เทอะทะและดูไม่ค่อยจะสมส่วนเท่าไร แต่ท่ามกลางความเห็นต่าง สิ่งที่หลายคนมองคล้ายกันคือความเตะตาของรถรุ่นนี้ที่เรียกได้ว่าใครเห็นก็ต้องเหลียวมอง
THE STANDARD WEALTH จะพาชมรอบคันทั้งด้านนอกและด้านในของรถกระบะแห่งอนาคต Tesla Cybertruck
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สำหรับไฮไลต์ด้านนอกของตัวรถคือโครงสร้างเหล็กที่แข็งเป็นพิเศษ พร้อมด้วยกระจกอาร์เมอร์กลาสขนาดใหญ่ที่ให้วิวรอบตัวรถได้อย่างกว้างขวาง และความสามารถในการต้านทานแรงกระแทกจากลูกเบสบอลความเร็วกว่า 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อีกหนึ่งศักยภาพพิเศษของ Cybertruckคือการขับขี่ที่ทำงานด้วยระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าและระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง (Full Steer-by-Wire) ทำให้การควบคุมการตีวงเลี้ยวทำได้แคบกว่าเดิมและตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ต่างจากรถยนต์ทั่วไปที่ใช้เพลากำหนดทิศทางของล้อ แต่ Cybertruckใช้การเชื่อมต่อของระบบไฟฟ้าทั้งคัน ส่งผลให้ตัวรถมีพื้นที่ในห้องโดยสารเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ Cybertruckยังปรับระดับความสูงของตัวรถได้ 5 ระดับ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการขับขี่ โดยโหมด Low หรือโหมดการขับที่ตัวรถอยู่ติดกับพื้นมากที่สุด จะช่วยเพิ่มการควบคุมให้กับผู้ขับ ส่วนโหมด Extract หรือการยกตัวรถให้สูง ใช้สำหรับขับขี่ในสภาพแวดล้อมออฟโรดที่รถต้องลุยผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น ลำธารหรือพื้นผิวถนนขรุขระที่รถธรรมดาไม่สามารถทำได้
ขยับมาที่ภายในตัวรถ ซึ่งบางคนอาจรู้สึกแปลกตาถ้ายังไม่เคยเห็นโครงสร้างภายในรถ Tesla เพราะการออกแบบนั้นเรียบง่าย อุปกรณ์ควบคุมไม่เยอะ เนื่องจากทุกอย่างสามารถสั่งการผ่านหน้าจอขนาด 18.5 นิ้ว ที่ใหญ่กว่า iPad เสียอีก
หน้าจอทำออกมาได้ค่อนข้างคมชัด และยังคอยรายงานความเปลี่ยนแปลงของตัวรถ เช่น เมื่อประตูเปิดหรือปิด หน้าจอจะแสดงผลตามสถานะจริงของรถ Cybertruckและผู้ขับยังสามารถควบคุมไฟ ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบนำทาง และอื่นๆ ได้ทั้งหมดจากหน้าจอนี้
ในส่วนของที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังเองก็มีจอขนาดประมาณ 9.4 นิ้ว ที่ใส่แอปเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่าง Netflix หรือ YouTube ไว้ให้แก้เบื่อระหว่างเดินทาง แถมคนข้างหลังยังปรับเบาะให้กับผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าได้ด้วย แต่แน่นอนว่าระหว่างรถกำลังเคลื่อนที่ ฟีเจอร์นี้จะถูกระงับการใช้งานชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
ในส่วนสุดท้าย ด้านกระบะหลังรถมีปลั๊กให้ต่อมากถึง 3 หัว ที่มีกำลังรองรับไฟฟ้าได้สูงสุด 240 โวลต์ สามารถนำทีวีมาต่อเพื่อรับชมคอนเทนต์ระหว่างพักรอบขับ หรือแม้แต่ใช้ Cybertruckเป็นตัวชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรถ EV คันอื่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน
Cybertruckเป็นรถกระบะที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 100% แต่ข้อแตกต่างสำคัญคือการได้สถานะเป็นรถ EV แบบ ‘Low-Voltage’ ที่มีสถาปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันต่ำเพียง 48 โวลต์ ต่างจากรถ EV ทั่วไปที่ใช้กำลังไฟฟ้าราว 400 โวลต์โดยเฉลี่ย ทำให้ Cybertruckประหยัดพลังงานด้วยสายไฟฟ้าในตัวเครื่องที่จำนวนน้อยลง
เริ่มตั้งแต่วันนี้ (24 มิถุนายน) Tesla Cybertruckจะจัดแสดงทั้งหมดใน 7 สถานที่ ครอบคลุม 3 จังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และขอนแก่น ให้ทุกคนได้สัมผัสเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตด้วยตัวเอง โดยสถานที่และวัน-เวลาในการเข้าชมCybertruck มีดังนี้
- เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ: วันที่ 24-30 มิถุนายน
- เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ กรุงเทพฯ: วันที่ 2-17 กรกฎาคม
- เซ็นทรัล บางนา กรุงเทพฯ: วันที่ 18-30 กรกฎาคม
- เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ จังหวัดนนทบุรี: วันที่ 31 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม
- สยามพารากอน กรุงเทพฯ: วันที่ 14 สิงหาคม – 1 กันยายน
- เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่: วันที่ 4-15 กันยายน
- เซ็นทรัล ขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น: วันที่ 17-22 กันยายน
