×

เปิดตำนานเกาะฮาชิมะ ‘คุกนรก’ ที่ซงจุงกิถูกส่งตัวเข้าไป

03.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • The Battleship Island ว่าด้วยเรื่องนายทหารหนุ่มที่ต้องแทรกซึมเข้าไปที่เกาะฮาชิมะ เพื่อช่วยเหลือแรงงานเกาหลีและจีน 400 คน ที่ถูกบังคับให้เข้าไปขุดเจาะถ่านหินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
  • เรื่องนี้ซงจุงกิทุ่มสุดตัว เราจะได้เห็นมาดดิบ เถื่อน แต่เท่ ขนาดที่คราบโคลนและเลือดก็ยังไม่สามารถทำให้ออร่าของเขาหมองลงไปได้
  • ตลอดระยะเวลา 83 ปี มีถ่านหินจำนวน 15.7 ล้านตันถูกขุดขึ้นมาจากเกาะแห่งนี้ ในปี 1974 เกาะนี้ถูกปิดตัวลง และกลายเป็นฉากหลังให้กับภาพยนตร์หลายเรื่องในเวลาต่อมา

     ว่ากันตามจริงสำหรับแฟนๆ ของซงจุงกิ แค่เข้าไปดูความเท่ของเขาอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว แต่ The Battleship Island ไม่ได้มีดีแค่นั้น เพราะนี่คือหนึ่งในหนังที่หยิบส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์มาเล่าได้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะความลำบากในช่วงสงครามและความเป็นมนุษย์ที่ดูเหมือนจะเหลือน้อยลงทุกที

     เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด THE STANDARD ได้รวบรวมเรื่องราวทั้งหมดบนเกาะฮาชิมะ หรือ ‘เกาะเรือรบ’ ที่พ่อหนุ่มซงจุงกิถูกส่งตัวเข้าไป มาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

 

 

     เหตุการณ์ในหนังหนังเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศเกาหลีใต้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศญี่ปุ่น กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์ประชาชนเกาหลีใต้ (และจีน) กว่า 400 คน เข้าไปเป็นแรงงานขุดถ่านหินที่เกาะฮาชิมะ ที่มีสภาพแออัดและย่ำแย่ถึงขีดสุด โดยมีนายทหารจากกองกำลังปลดแอกของเกาหลีใต้ (รับบทโดย ซงจุงกิ) ได้รับมอบหมายให้แทรกซึมเข้าไปภายในเกาะเพื่อช่วยเหลือสมาชิกของกองกำลังคนอื่นๆ และได้ร่วมมือกับนักต่อสู้ (รับบทโดย โซจีซอบ) เพื่อพยายามช่วยเหลือคนบนเกาะเพื่อหลบหนีออกมาให้ได้

 

 

     ใครที่เป็นแฟนคลับซงจุงกิ บอกเลยว่าเรื่องนี้คุ้มสุดๆ เพราะเรื่องนี้พ่อหนุ่มของเราลงทุนทุ่มสุดตัวมากๆ เราจะได้เห็นมาดที่ดิบ เถื่อน แต่เท่ ขนาดที่คราบโคลนและเลือดก็ยังไม่สามารถทำให้ออร่าของเขาหมองลงไปได้ ยิ่งได้บทเป็นนายทหารที่ทั้งฉลาด รักชาติ รักเพื่อนพ้อง นั่นยิ่งขับให้ตัวเขามีเสน่ห์มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว  

 

 

     เกาะฮาชิมะ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเรือรบ (ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นเกาะนี้มีลักษณะคล้ายเรือรบ) เป็นเกาะเล็กๆ พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งห่างจากเมืองนางาซากิ ประมาณ 15 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นเกาะที่อยู่ใกล้แหล่งพลังงานธรรมชาติอย่างถ่านหินจำนวนมหาศาล ในปี 1887 จึงเริ่มมีการเกณฑ์คนจำนวนมากเข้าไปเป็นแรงงานเพื่อขุดเจาะถ่านหิน ตอบรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นที่กำลังรุ่งเรืองมากในขณะนั้น

 

           

     ปี 1890 บริษัทมิตซูบิชิซื้อเกาะฮาชิมะ และเริ่มพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอย่างจริงจัง ทั้งโรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร บาร์และร้านเหล้า เพื่อตอบสนองความต้องการของคนบนเกาะ (เฉพาะคนญี่ปุ่น) ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ในปี 1916 โดยอาคารคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นก็ถูกสร้างขึ้นที่เกาะแห่งนี้ เพื่อปกป้องคนบนเกาะจากพายุไต้ฝุ่น

     ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แรงงานทุกคนก็ยังต้องทำงานหนักต่อไป ภายใต้สภาวะกดดันและไม่ปลอดภัย ผสมกับความเร่งรีบในการใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ทำให้ช่วงนั้นมีแรงงานชาวเกาหลีเสียชีวิตไป 122 คน

     หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มมากขึ้น จนในช่วง 1959 คือช่วงเวลาพีกที่สุดของเกาะแห่งนี้ ทำสถิติมีประชากรหนาแน่นที่สุด 139,100 คน / 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นปริมาณความหนาแน่นที่มากที่สุดในโลกที่เคยบันทึกเอาไว้ในขณะนั้น

     แต่แล้วผ่านไปไม่ถึง 10 ปี เมื่อเทรนด์การใช้พลังการของโลกเคลื่อนไปสู่ยุคของ ‘น้ำมัน’ ความต้องการของถ่านหินก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนในปี 1974 บริษัทมิตซูบิชิจึงตัดสินใจประกาศปิดเกาะ ทำให้ฮาชิมะกลายเป็นเกาะร้างนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

     ส่วนที่ถูกขุดลงไปลึกมากที่สุด มีความลึกใต้ทะเลมากถึง 1,000 เมตร และมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา เท่าที่มีการบันทึกไว้ ตั้งแต่ปี 1891-1974 มีถ่านหินถูกขุดขึ้นมาจากเกาะแห่งนี้มากถึง 15.7 ล้านตัน

 

 

     ความรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมทั้งหลายชีวิตที่ต้องจบสิ้นลงบนเกาะแห่งนี้ ทำให้เกิดตำนานความน่ากลัวของเหล่าวิญญาณเล่าขานตามมา ถึงขนาดมีภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ The Greenless Island (1949), Battle Royale (2000), Skyfall (2012), ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อ ต้องลบหลู่ (2013) และ Attack On Titan (2015) ใช้บรรยากาศของเกาะฮาชิมะเป็นฉากหลังในภาพยนตร์ด้วย

     หลังจากนั้นในปี 2009 ประเทศญี่ปุ่นเริ่มเปิดเกาะฮาชิมะอีกครั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมบรรยากาศของเกาะแห่งนี้ได้

     ถึงแม้จะถูกชาวเกาหลีใต้และจีนขัดขวางอย่างหนักเนื่องจากเกาะฮาชิมะเปรียบเสมือนฝันร้ายของผู้คนในประเทศ แต่ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2015 เกาะฮาชิมะ ถูกจัดให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในฐานะสัญลักษณ์ของความทันสมัยและการปฏิวัติอุตสาหกรรม

     70 เปอร์เซ็นต์ของการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่เมืองชุนชอน จังหวัดคังวอน ประเทศเกาหลี โดยใช้เวลาทั้งหมด 9 เดือนเพื่อปรับพื้นที่บริเวณฐานทัพเก่าของกองทัพสหรัฐฯ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และก่อสร้างเพิ่มเติมจนกลายเป็นเกาะฮาชิมะแบบที่เราได้รับชมกัน

 

 

อ้างอิง:

FYI
  • The Battleship Island ทำลายสถิติยอดจองภาพยนตร์ล่วงหน้าของเรื่อง Train to Busan (2016) ที่ทำไว้สูงสุด 74,000 ใบ แบบขาดลอย โดยทำยอดไว้สูงถึง 179,553 ใบ และมีคนประมาณ 970,000 คนที่พร้อมใจกันเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกันตั้งแต่วันแรก
  • เพียงแค่ 5 วันแรก The Battleship Island ทำรายได้ที่ประเทศเกาหลีไป 4.07 ล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุดผ่านไป 3 สัปดาห์ ทำรายได้ไปทั้งหมด 27.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising