×

เมื่อตลาดเป็นขาลง เทรดเดอร์คริปโตเริ่มหันมาโจมตีกันเองเพื่อหวังให้อีกฝ่าย ‘พอร์ตแตก’ และรับโบนัสจากโปรโตคอล

18.06.2022
  • LOADING...
พอร์ตแตก

ด้วยตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เทรดเดอร์เริ่มหันมาต่อสู้กันเองมากขึ้นเพื่อหากำไรในช่วงที่ยากลำบากนี้ 

 

ผู้ใช้นามแฝงว่า Omakase กล่าวว่า เทรดเดอร์ที่มีลักษณะคล้ายกับผู้ล่า (Shark Traders) พยายามมองหาข้อมูลของเทรดเดอร์รายอื่นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ใช้อัตราทดสูงๆ หลังจากนั้นเทรดเดอร์ผู้ล่าเหล่านี้จะพยายามโจมตีเทรดเดอร์เหล่านั้นเพื่อหวังให้ ‘พอร์ตแตก’ (Liquidation) และรับกำไรพิเศษ

 

“ในตลาดขาลง ซึ่งกำไรหายากขึ้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือเทรดเดอร์ใช้กลยุทธ์ที่แข็งกร้าวมากขึ้น และอาจจะไม่เป็นผลดีต่อคอมมูนิตี้ บรรยากาศตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับผู้เล่นด้วยกันเองมากขึ้น” 

 

เทรดเดอร์อาจจะค้นพบว่าเทรดเดอร์คนอื่นอาจจะถูกบังคับปิดสถานะล้างพอร์ต เมื่อราคาของเหรียญลดลงต่ำกว่าระดับใดระดับหนึ่ง สมมติว่าลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ หลังจากนั้นเทรดเดอร์จะเข้าไปเปิดสถานะ Short เพื่อพยายามดึงให้ราคาต่ำลงกว่า 100 ดอลลาร์ และผลตอบแทนจากการทำให้เทรดเดอร์คนอื่นพอร์ตแตก ซึ่ง DeFi แอปพลิเคชันหลายรายมักจะมีผลตอบแทนส่วนนี้ให้

 

“โปรโตคอลหลายแห่งเสนอผลตอบแทน 10 – 15% จาก Liquidation Fee และการทำให้เทรดเดอร์ถูกล้างพอร์ตในจำนวนมากพอจะทำให้เทรดเดอร์อีกหลายรายถูกล้างพอร์ตไปตามๆ กัน ในขณะที่เทรดเดอร์ที่มุ่งหวังเช่นนี้ก็แค่เพียงถือสถานะ Short เพื่อทำกำไรต่อไปในช่วงที่ตลาดดิ่งลงอีกครั้ง” 

 

นาธาน เวิร์สลีย์ ผู้ซึ่งใช้บอตจำนวนมากในการหาโอกาสทำกำไรจากการทำให้เทรดเดอร์รายอื่นถูกล้างพอร์ต กล่าวว่า ช่วงนี้การพอร์ตถูกล้างมีจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่สามารถจะทำกำไรได้สม่ำเสมอ บางครั้งเราอาจไม่ได้เห็นการถูกล้างพอร์ตเลยตลอดทั้งสัปดาห์หรืออาจจะนานกว่านั้น แต่เมื่อการล้างพอร์ตเกิดขึ้นมันมักจะเกิดขึ้นจำนวนมากพร้อมๆ กัน 

 

“โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องทำงานยาวนานโดยทำกำไรไม่ได้เลย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเวลา 1-2 วัน ที่คุณอาจทำกำไรได้ 1 ล้านดอลลาร์ในครั้งเดียว” 

 

เวิร์สลีย์กล่าวต่อว่า หน้าที่ของการเป็นผู้ชำระบัญชี (Liquidator) คือปกป้องโปรโตคอล โดยการปิดสถานะของเทรดเดอร์ โดยโปรโตคอลจะให้ผลตอบแทนกับ Liquidator เพราะบล็อกเชนไม่สามารถที่จะดำเนินการเองได้ 

 

ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์ยืม Bitcoin มูลค่า 1,000 ดอลลาร์จากโปรโตคอล จากนั้น Liquidator จะจ่ายคืน Bitcoin มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ให้กับโปรโตคอลแทนเทรดเดอร์รายนั้น ในขณะที่โปรโตคอลจะให้ Ethereum ที่ถูกวางเป็นหลักประกันกับ Liquidator บวกกับโบนัสอีก 100 ดอลลาร์ จากหลักประกันส่วนเกินของเทรดเดอร์ โดย Liquidator จะทำกำไรได้จากกรณีที่เทรดเดอร์ถูกล้างพอร์ต ขณะที่โปรโตคอลสามารถปิดความเสี่ยงจากหนี้เสีย 

 

“โดยทั่วไปแล้วทุกคนควรจะระมัดระวังความเสี่ยง โดยหลีกเลี่ยงการใช้อัตราทด” 

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising