×

เปิดมุมมองปี 2024 ฤดูร้อนของคริปโตจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่

22.12.2023
  • LOADING...

แม้ในช่วงปี 2023 จะเป็นปีที่ผู้เล่นในตลาดคริปโตต้องเผชิญความเข้มงวดทางด้านการกำกับดูแลเป็นอย่างมาก จนบริษัทอย่าง Binance ยังต้องโดนการฟ้องร้อง ซีอีโอลาออก หรือแม้แต่การจ่ายค่าปรับกว่าแสนล้านบาท 

 

แต่อย่างไรก็ตาม กลับเป็นปีที่คริปโตเริ่มกลับมาผลิบานอีกครั้ง นำโดยเหรียญ Bitcoin ที่สามารถทำผลตอบแทนนับจากต้นปี (YTD) ได้ถึง 153.94% มาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 41,900 ดอลลาร์ จากการเก็งกำไรทั้งจากการรออนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF และการ Halving ของ Bitcoin ในปีหน้า (2024) 

 

แล้วในปี 2024 จะเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของคริปโตอีกครั้งหรือไม่ ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH ได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้ว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

ปัจจัยบวกเพียบ แต่รับรู้ไป (หมด) แล้ว?

 

คงปฏิเสธไปไม่ได้ว่าปี 2024 เป็นปีที่มีปัจจัยเชิงบวกมารอมาเสริมตลาดคริปโตอีกหลายประเด็น อาทิ การรออนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF ที่จะทำให้เกิดการจัดสรรเงินจากผู้จัดการกองทุน เข้าไปยังตลาดคริปโตมากขึ้น หรือแม้แต่แนวโน้มการลดลงอัตราดอกเบี้ยของ Fed (ธนาคารกลางสหรัฐฯ) ที่ทำให้มี Risk Appetite (ความต้องการเสี่ยงมากขึ้น) ในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้นกว่าในปีนี้

 

ร่วมกับการ Having ของ Bitcoin ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งมักตามมาด้วยขาขึ้นครั้งใหญ่ของตลาดคริปโต ซึ่งทาง พีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของ Cryptomind Advisory และผู้ก่อตั้ง Blockchain Review Cryptomind บริษัทด้านคริปโตในไทย ก็ได้เคยออกมาวิเคราะห์ในช่วงต้นปี 2023 ว่าการ Halving ในช่วงปี 2024 มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปแต่อาจจะไม่สูงเหมือนรอบที่ผ่านมา (ในช่วงปี 2016-2020) 

 

เนื่องจากการลดลงของอุปทานในรอบก่อนหน้านี้ (ในช่วงปี 2016-2020) มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากที่ระดับ 25 BTC ต่อบล็อก ลงมาเหลือ 12.5 BTC ต่อบล็อก และเหลือเพียง 6.25 BTC ต่อบล็อก ในขณะที่ซัพพลายในปี 2024 จะลดลงจาก 6.25 BTC ต่อบล็อก เหลือเพียง 3.125 BTC ต่อบล็อก ซึ่งอาจจะไม่ได้มีนัยมากเหมือนรอบก่อนๆ

 

ด้วยปัจจัยดังที่กล่าวมา สำนักข่าวการเงินอย่าง Bloomberg ได้ออกบทวิเคราะห์มาในช่วงต้นเดือนธันวาคม (ปี 2023) ที่ผ่านมาว่า Bitcoin มีโอกาสพุ่งทะลุ 500,000 ดอลลาร์ได้ในอนาคต หากแต่มีช่วงมูลค่าค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่ระดับ 50,000 ดอลลาร์ ไปจนถึง 530,000 ดอลลาร์ เนื่องจากปัจจัยกระทบค่อนข้างเยอะ

 

ในขณะที่สถาบันการเงิน The Standard Chartered ก็ได้ออกประเมินว่า Bitcoin มีโอกาสแตะ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2024 ได้เช่นกัน

 

แต่ทางบทวิเคราะห์ของ JPMorgan สถาบันการเงินเบอร์ต้นของโลก กลับมองว่า Bitcoin อาจไม่ปรับตัวขึ้นอย่างที่ใครหลายๆ คนคาด เนื่องจากว่าข่าวดีต่างได้รับรู้เข้าไปในราคาของ Bitcoin ที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 153% ในปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนทำให้ระดับราคาเข้าสู่โซน Overbought (แรงซื้อเยอะจนเกินไป) เช่นเดียวกับในช่วงปี 2021 

 

ไม่เพียงเท่านั้น บทวิเคราะห์ดังกล่าวยังมองว่าอาจมีปัจจัย Sell on Fact เข้ามาในปีหน้าด้วยซ้ำที่เป็นการขายเมื่อเหตุการณ์จริงเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว และอาจทำให้ Bitcoin ปรับตัวลงไปได้

 

ในทางกลับกันบทวิเคราะห์นี้ก็มองว่าในปีหน้าอาจเป็นปีที่ดีสำหรับเหรียญรองลงมาอย่าง Ethereum เนื่องจากว่าบล็อกเชน Ethereum กำลังจะอัปเกรด EIP-4844 หรือเรียกอีกชื่อว่า Proto-Danksharding ซึ่งจะมีการกระจายเครือข่ายออกเป็นหน่วยย่อยๆ (Shard) ทำให้บนเครือข่ายสามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วขึ้นกว่าในปัจจุบัน ซึ่งจะเอื้อให้มีเงินทุนไหลเข้ามาสู่เหรียญดังกล่าวมากขึ้นได้

 

และจากบทวิเคราะห์ของทาง The Standard Chartered ชี้ว่า Ethereum มีโอกาสแตะ 8,000 ดอลลาร์ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 2025) จากการที่ Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) กำลังมีการเติบโตและถูกนำไปใช้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ถูกเลือกเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเกม และการ Tokenized อีกเช่นกัน 

 

และยังมองว่าที่ระดับราคา 8,000 ดอลลาร์ ถือว่าเป็นก้าวแรกสำหรับมูลค่าระยะยาวที่ Ethereum มีโอกาสไปถึงที่ระดับประมาณ 25,000-35,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นภาพระยะยาวถึงปี 2040 เลยทีเดียว

 

โอกาสอยู่ตรงไหน? ‘Tokenization’

 

ในปี 2023 ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า สิ่งใดที่ไม่มีประโยชน์ใช้สอยจริงก็จะไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ หลังจากที่เกิดภาวะฟองสบู่แตกของตลาดคริปโต ก็ตามมาด้วยลูกโซ่ของตลาด GameFI ที่ค่อยๆ ทยอยหายไปหลายๆ โปรเจกต์ ตลาด NFTs (Non-Fungible Tokens) ที่โปรเจกต์กว่า 90% ไม่เหลือมูลค่า 

 

แต่สิ่งที่เป็นเทรนด์และเริ่มมีการนำไปใช้กันมากขึ้นในปี 2023 และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อในปี 2024 และต่อๆไป ก็คือ Tokenization หรือการนำสินทรัพย์บนโลกความเป็นจริง (Traditional Asset) มาเป็นหน่วยโทเคนย่อยๆ บนบล็อกเชน ที่จะทำให้รูปแบบของการระดมทุนไม่มีข้อจำกัดทั้งในแง่เงินทุนและขอบเขตของประเทศ

 

โดยทาง Tyrone Lobban หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนของ JPMorgan ยังกล่าวในงาน CCData’s Digital Asset Summit เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาในลอนดอนว่า 99.9% ของลูกค้าที่เป็นทั้งโบรกเกอร์ ผู้จัดการกองทุน และบริษัทเอกชน ต่างก็พูดถึงโอกาสในการทำ Tokenization สินทรัพย์ดั้งเดิม ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตในอนาคตได้สูงมาก

 

ความผันผวนที่ลดลง แต่ตามมาด้วยความมั่นคงที่มากขึ้น

 

ปัจจัยการรออนุมัติกองทุน Bitcoin Spot ETF ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลายๆ กองทุนในปีหน้าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Bitcoin ถูกพัฒนาระดับมาเป็น Asset Class หลักของโลก มิใช่เพียงสินทรัพย์ทางเลือกอย่างที่เคยเป็น ที่ใครต่างก็มองว่า ‘จะมาแล้วก็หายไป’ แต่จะมีเม็ดเงินปริมาณมหาศาลจากสถาบันการเงินไหลเข้ามา 

 

ซึ่งผลเหล่านี้จะทำให้สินทรัพย์อย่าง Bitcoin มีความผันผวนลดลง อาจจะไม่สามารถทำผลตอบแทนระดับ 100 เท่า 1,000 เท่า อย่างที่เคยเป็นมา เพราะเม็ดเงินของกองทุนไหลเข้ามาแล้ว แต่ก็จะตามมาด้วยความมั่นคงที่มากขึ้น เหมือนกับสินทรัพย์ประเภทโภคภัณฑ์อย่าง ‘ทองคำ’ เป็นต้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising