เป็นเวลาร่วมเดือนแล้ว นับจากที่มีรายงานข่าวใน The Times ว่า คริสเตียโน โรนัลโด ได้แจ้งต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าต้องการที่จะย้ายออกจากทีม เพื่อไปอยู่กับสโมสรที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ และเพื่อลงเล่นในฟุตบอลรายการระดับสูงสุดอย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ปัญหาคือ จนถึงตอนนี้ โรนัลโดก็ยังไม่ได้ย้ายทีม และปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ดูเหมือนจะไม่มีทีมไหนที่ต้องการตัวเขาเลย
ย้อนกลับไปในช่วงแรกของกระแสข่าว มี 3 สโมสรที่ถูกเชื่อมโยงด้วยคือ บาเยิร์น มิวนิก, เชลซี และนาโปลี เพียงแต่ทั้งสามทีมนั้นค่อยๆ ถอนตัวจากการเจรจา
โดยเฉพาะบาเยิร์น มิวนิก ที่แม้จะสูญเสีย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี แต่ได้แสดงออกถึงจุดยืนที่ชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้ต้องการโรนัลโดมาร่วมทีม ขณะที่เชลซีเป็นทีมที่ดูจริงจังที่สุดในการเจรจา เนื่องจาก ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสรคนใหม่ ต้องการสร้างความประทับใจด้วยการเสริมทัพด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ และไม่มีซูเปอร์สตาร์คนไหนจะดังไปกว่ากัปตันทีมชาติโปรตุเกส
เพียงแต่หลังการหารือกับ โธมัส ทูเคิล หัวหน้าโค้ช สุดท้ายแล้วโบห์ลีและเชลซีตัดสินใจถอนตัวจากการเจรจา ไม่เดินหน้าอีกต่อไป
การถอนตัวของเชลซีทำให้ฝั่งโรนัลโดนั้นเคว้ง โดยเฉพาะ จอร์จ เมนเดส ซูเปอร์เอเจนต์ที่ดูแลสตาร์รายนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการเล่น ต้องพยายามในการหาต้นสังกัดใหม่ให้กับนักเตะที่เป็นมากกว่าลูกค้า แต่เป็นเหมือนลูก เป็นสมาชิกของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้วที่เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้
ย้อนกลับไปเมื่อปีกลาย โรนัลโดตัดสินใจที่จะไม่ขอเล่นให้กับยูเวนตุสอีกต่อไป และทำให้เมนเดสต้องพยายามหาสโมสรใหม่ให้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีได้เสนอให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่พลาดหวังจากการได้ตัว แฮร์รี เคน
แต่ในขณะที่ซิตี้กำลังลังเล ข่าวรู้ถึงแมนฯ ยูไนเต็ด ที่คิดว่าการปล่อยให้อดีตฮีโร่ของสโมสรย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับร่วมเมืองคือสิ่งที่ไม่อาจยอมได้ การตัดสินใจเจรจาตัดหน้าจึงเกิดขึ้น และการกลับมาโอลด์แทรฟฟอร์ดของโรนัลโดจึงเป็นข่าวการย้ายทีมที่ฮือฮาที่สุดในโลก
ปัญหาใหญ่สำหรับเมนเดสในปีนี้คือ ทุกอย่างยากขึ้นกว่าปีที่แล้ว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้หลายสโมสร ‘ขยาด’ กับโรนัลโด
ในเรื่องฝีเท้าและพรสวรรค์ในการจบสกอร์ไม่มีใครสงสัย เพราะขนาดเล่นในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ย่ำแย่และเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ‘CR7’ ก็ยังระเบิดสกอร์ได้ถึง 24 ลูก ซึ่งทีมไหนก็ตามที่ได้ตัวเขาไป สามารถการันตีจำนวนประตูได้อย่างแน่นอน
แต่เรื่องที่ทำให้ทีมมากมายไม่กล้าที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีมคือ อิทธิพลที่จะส่งผลต่อทีม เพราะนักเตะอย่างโรนัลโดเกิดมาเพื่อทำประตูเพียงอย่างเดียว และการที่จะทำเช่นนั้นหมายถึงทีมจำเป็นที่จะต้อง ‘ชดเชย’ ทางอื่นแทนในเรื่องของระบบการเล่น กลยุทธ์ แท็กติก ไปจนถึงนักเตะร่วมทีมเองก็ไม่มีทางเลือก นอกจากการต้องยอมเสียสละแทน เพราะนี่คือโรนัลโด
นี่คือเหตุผลที่ทำให้บาเยิร์นและเชลซี ซึ่งเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ เน้นการเพรสซิ่ง ตัดสินใจที่จะไม่เดินหน้าต่อในดีลนี้
แล้วสถานการณ์แบบนี้จะมีทีมไหนที่อยากได้ตัวเขาอีกไหม? และเขาจะอยากกลับโอลด์แทรฟฟอร์ดหรือไม่?
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทีมที่ปรากฏชื่อในข่าวด้วยคือ แอตเลติโก มาดริด ซึ่งได้รับการเสนอโอกาสจากเมนเดสว่า พวกเขาสามารถคว้าตัวนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลกมาครองได้ ซึ่งกระแสข่าวระบุว่าทีม ‘Rojiblancos’ เองพิจารณาโอกาสนี้อย่างจริงจัง
มองเรื่องในสนาม โรนัลโดอาจเป็นนักเตะที่ใช้งานได้ยาก ต้องมีคู่มือในการใช้งานเฉพาะ แต่โค้ชอย่าง ดีเอโก ซิเมโอเน อาจเป็นคนที่สามารถหาที่หาทางให้ดาวเตะวัย 37 ปี ลงสนามในระบบการเล่นที่คิดเป็นพิเศษได้ เพราะเป็นโค้ชที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องแท็กติกการเล่นสูง
แต่เรื่องที่น่าดึงดูดไม่น้อยไปกว่าเรื่องในสนามคือเรื่องนอกสนาม เพราะโรนัลโดคือซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่จะยกระดับของสโมสรได้ทันที และอาจนำไปสู่รายได้มากมายมหาศาลที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสปอนเซอร์ไปจนถึงรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเขา
ดังนั้นแม้โจทย์จะยาก เพราะต้องปล่อยนักเตะออกไปอย่างน้อย 2 คน หนึ่งในนั้นที่มีการระบุชื่อคือ อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ที่เพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่กับทีมอย่างถาวรได้เพียงฤดูกาลเดียว แต่ก็เป็นสิ่งที่ดูเหมือนบอร์ดบริหารอาจลองหาทางดู โดยที่โรนัลโดยินดีที่จะลดค่าเหนื่อยลงด้วย เพื่อให้การย้ายทีมเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัญหาคือแฟนบอลอัตเลติดูเหมือนจะไม่เอาด้วย มีการผุดแคมเปญออนไลน์ #ContraCR7 เพื่อต่อต้านการย้ายทีมครั้งนี้ เพราะพวกเขาไม่ต้องการอดีตกองหน้าของเรอัล มาดริด มาเล่นในทีม และทำให้กระแสข่าวการย้ายทีมครั้งนี้เริ่มซาทันที
สิ่งที่น่าจับตามองหลังจากนี้คือ โรนัลโดจะเอาอย่างไรต่อกับชีวิต? เช่นเดียวกับแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยว่าจะเอาอย่างไรต่อ
ตามรายงานข่าวจากอังกฤษ Sky Sports ระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังยืนยันจุดยืนเดิมในการที่จะเก็บตัวโรนัลโดเอาไว้กับทีมต่อไป โดย เอริก เทน ฮาก ยังมองสตาร์รายนี้ในฐานะแกนหลักของทีมเหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่กลับมารายงานตัวกับทีมเลย ซึ่งในเชิงฟุตบอลแล้วหมายถึงเขาตามหลังเพื่อนร่วมทีมที่ซ้อมล่วงหน้ามาก่อนถึง 4 สัปดาห์ และทีมก็ดูลงตัวอย่างมากด้วยในช่วงเกมอุ่นเครื่อง 4 นัดที่ผ่านมา
เพียงแต่จนถึงตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งยอมรับคำชี้แจงในเรื่องเหตุผลส่วนตัวเกี่ยวกับครอบครัว ที่ทำให้โรนัลโดไม่กลับมารายงานตัว ยังไม่รู้ว่าขวัญใจหมายเลข 7 คนนี้จะกลับมารายงานตัวกับทีมอีกหรือไม่ และหากกลับมาจะเป็นเมื่อไร? โดยที่คนในสโมสรเองก็ไม่กล้าที่จะถามหรือสร้างแรงกดดันให้ เพราะหวั่นปัญหาที่จะตามมา แม้ว่าการไม่กลับมาก็เป็นปัญหาอยู่แล้วก็ตาม
เพราะทางสโมสรเองก็ยังมีสิ่งที่ต้องจัดการในช่วงตลาดรอบนี้ ซึ่งแม้จะได้ ไทเรลล์ มาลาเซีย แบ็กซ้าย รวมถึง คริสเตียน อีริกเซน กองกลาง และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์แบ็กคนใหม่ที่คาดว่าจะมารายงานตัวในวันพรุ่งนี้ แต่พวกเขายังรอคอย แฟรงกี เดอ ยอง อยู่
ไม่นับการเสริมทีมในแนวรุกอย่าง แอนโทนี จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือล่าสุดที่มีข่าวว่ากำลังจับตา เบนจามิน เซสโก กองหน้าดาวรุ่งจากทีมเรดบูล ซาลซ์บวร์ก ที่ยังไม่มีความชัดเจน
เรื่องนี้ทำให้การเก็บตัวโรนัลโดเอาไว้กับทีมต่อไปเป็นสิ่งที่เทน ฮาก ต้องการมากกว่าจะปล่อยตัวไปในเวลานี้ และหาตัวตายตัวแทนทั้งในแนวรุก รวมทั้งการหาสตาร์เข้ามาที่จะยากกว่าในช่วงเวลาที่เหลือก่อนตลาดการซื้อ-ขายจะปิดตัวลง
ส่วนทางด้านตัวของโรนัลโดเองเริ่มมีข่าวว่า หนึ่งในคนใกล้ชิดแนะนำว่าควรที่จะล้มเลิกความคิดย้ายทีมในปีนี้ และกลับมาเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการดื้อดึงไปแบบนี้
บรรยากาศการซ้อมในแคร์ริงตันวันพรุ่งนี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นโรนัลโดกลับมาหรือไม่
หากกลับมาก็อาจเป็นการปิดฉากมหากาพย์การย้ายทีมคราวนี้ แต่หากยังไม่กลับมา ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะมีทีมระดับท็อปทีมใด (ซึ่งตัวเลือกเหลือน้อยลงทุกที) ที่พร้อมจะลองเสี่ยงคว้าตัวกองหน้าที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังยุคโมเดิร์นไปร่วมทีม
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สถานการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ในเวลานี้ โรนัลโดตกที่นั่งลำบากกว่าที่คิดไว้มาก
อ้างอิง:
