วันนี้ (8 ธันวาคม) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงผลการสอบสวนโรคเบื้องต้น พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มอีก 2 ราย
รายแรกเป็นหญิงไทยอายุ 46 ปี ประกอบอาชีพล่ามประจำคริสตจักรแห่งหนึ่ง และยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด ส่วนอีกรายเป็นหญิงไทยอายุ 36 ปี ประกอบอาชีพล่ามประจำคริสตจักรแห่งหนึ่ง และยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด มีประวัติเคยติดเชื้อโควิดและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบุษราคัมช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 โดยทั้งสองมีรายละเอียดและไทม์ไลน์ดังนี้
- 21 พฤศจิกายน เข้าร่วมประชุมตัวแทนคริสตจักร (13-23 พฤศจิกายน) เป็นคนไทย 3 คน ไปรวมตัวกับคณะที่เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย รวมผู้เข้าประชุม 20 คน ก่อนเดินทางกลับโดยตรวจผล RT-PCR ที่ไนจีเรีย และผลตรวจเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) ทั้ง 3 คน
- 23 พฤศจิกายน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการป่วย ไอ และเจ็บคอเล็กน้อย
- 24 พฤศจิกายน เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน QR803 เข้าพัก ASQ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และเข้าตรวจอีกครั้งด้วยระบบ RT-PCR ผลปรากฏพบเชื้อ
- 25 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม เข้ารับการรักษารักษาตัวที่ Hospitel แห่งหนึ่ง และรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ (ซึ่งทั้ง 2 คนครบกำหนดรักษาเสร็จเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา)
พญ.สุมนีอธิบายเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ทั้ง 2 คนจะพ้นกำหนดรักษาตัวเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำนดให้โอไมครอนเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่น่ากังวล ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงได้มีการนำเชื้อตัวอย่างของทั้ง 2 ราย เนื่องจากทั้งคู่มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงทวีปแอฟริกา (ประเทศไนจีเรีย) มาตรวจซ้ำอีกครั้ง ผลปรากฏว่าเป็น Protential Omicron หรือมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นเชื้อโอไมครอน โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างการหาผลลัพธ์ขั้นที่ 3 คือการหารหัสพันธุกรรมเพื่อที่จะยืนยันว่าทั้งสองมีเชื้อโอไมครอน โดยผลการหารหัสพันธุกรรมจะออกมาใน 1-2 วันนี้
ระหว่างนี้กรมควบคุมโรคได้สอบสวนโรคเพิ่มเติม พบว่าทั้ง 2 รายที่ไปประชุมที่ไนจีเรีย มีการทำกิจกรรมช่วงเวลาหนึ่งที่ไนจีเรีย อีกทั้งยังไม่ได้รับวัคซีนทั้งคู่ ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโควิด และยังมีการสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดกับทั้ง 2 ราย หากมีรายละเอียดคืบหน้า ศบค. จะรายงานให้ทราบต่อไป