แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีตัวเลขการดำเนินธุรกิจจากผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 แต่เชื่อว่าเซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC บิ๊กคอร์ปรีเทลไทย จะสร้างยอดขายที่แข็งแกร่งจากความพร้อมของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือได้อย่างแน่นอน
เพราะหากดูตัวเลขรวมของ 3 ไตรมาสปี 2566 ทำรายได้รวม 182,784 ล้านบาท โต 7% กำไรสุทธิ 5,257 ล้านบาท โต 26% สะท้อนการเติบโตของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอดเกือบ 80 ปี ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสัญชาติไทยที่ทะยานสู่การเป็น Global Company ในเวลาอันรวดเร็ว
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าตัวเลขการเติบโต คือเบื้องหลังการขับเคลื่อนธุรกิจผ่านปรัชญา ‘CRC Care’ ซึ่งมีคุณค่ามากกว่าการดำเนินงาน แต่เป็นเสมือนคำมั่นสัญญาขององค์กรที่จะดูแลและยกระดับทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนทั้งระบบ
อาจเพราะเป้าหมายใหญ่ของการดำเนินธุรกิจคือการเป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคน ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นในการสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจร เพื่อเป็น Platform of Trust ที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เรามี Brand Purpose ที่ชัดเจนในการเป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคน ในทุกประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ และได้สร้างความสำเร็จให้เห็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม”
ปรัชญา ‘CRC Care’ ถูกแยกย่อยออกมาเป็นการดำเนินงานของธุรกิจอย่างต่อเนื่องเกือบ 80 ปี ภายใต้ 7 มิติหลัก ได้แก่
Care for the Economy
มิติแรกที่เซ็นทรัล รีเทล แคร์คือเรื่องการลงทุนขยายธุรกิจและพัฒนาโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเจริญทั่วไทย และกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเมืองรองและยกระดับให้แข็งแกร่งเทียบเท่าเมืองหลัก
รวมไปถึงการสร้างสรรค์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ ควบคู่กับการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ พัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์ฮับประจำถิ่น จุดประกายเทรนด์ท่องเที่ยวเมืองรองให้คึกคักสู่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เห็นได้จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ตามเมืองรองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดนครพนม ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดหนองคาย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน การพัฒนาทักษะแรงงาน พร้อมทั้งเพิ่มการจับจ่ายและการท่องเที่ยว ทั้งจากคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโต ส่งผลต่อเนื่องไปสู่ระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศต่อไป
Care for the Customer
เพราะ ‘ลูกค้า’ คือหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล มาโดยตลอด ไม่เพียงพัฒนาบริการเพื่อส่งประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือระดับ แต่ยังยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งในทุก Touch Point ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาดค้าปลีกในยุคปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ เข้าถึงความต้องการเฉพาะบุคคล ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการทำการตลาดดิจิทัลผ่านระบบ AI บนแพลตฟอร์ม Big Data ของ CRC
ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์ม Next-Gen Omnichannel ที่ครบวงจร เชื่อมโลกออฟไลน์ ออนไลน์ และ Metaverse เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ครอบคลุมทั้งเครือข่ายเซ็นทรัล รีเทล ในไทย เวียดนาม และอิตาลี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดและความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้า
นอกจากนี้กิจกรรมการตลาดและแคมเปญโปรโมชันต่างๆ ที่คิดและพัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจลูกค้ากว่า 20 ล้านคน ผ่าน The 1 Loyalty Platform ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเซ็นทรัล รีเทล จะเป็นจุดหมายหนึ่งเดียวในการช้อปปิ้งและใช้ชีวิตในทุกๆ วันของลูกค้า
Care for the Partner
หนึ่งในวิธีแคร์พาร์ตเนอร์ในแบบของเซ็นทรัล รีเทล คือการสร้างช่องทางการขายที่หลากหลายให้กับคู่ค้า เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการสนับสนุนแบรนด์ไทยให้นำสินค้ามาจำหน่ายที่ร้านค้าในเครือของเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศเวียดนามและอิตาลี ไปจนถึงการจับมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันแบบ Inclusive Growth
ล่าสุดเซ็นทรัล รีเทล ได้ Spin-Off ธุรกิจ บมจ.เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ธุรกิจจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) ผ่านแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย โดยเป็นบริษัทในเครือของเซ็นทรัล รีเทล และสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ช่วยผลักดันธุรกิจ MEB ที่ถือเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Care for the People
ด้วยความเชื่อว่า ‘บุคลากรที่มีศักยภาพ’ เป็นรากฐานสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน เซ็นทรัล รีเทล จึงมุ่งสร้างองค์กรให้เป็น ‘A Great Place to Work’ เสริมสร้างความรู้และความคิดสร้างสรรค์ด้วยโปรแกรมพัฒนาทักษะที่ดีเลิศครบทุกมิติ พนักงานได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างานให้กล้าคิดและลงมือทำสิ่งใหม่ๆ อย่างมั่นใจ เสริมสร้างพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความโดดเด่นในแบบเฉพาะตัว พัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล และมอบโอกาสความก้าวหน้าตลอดเส้นทางอาชีพ
พร้อมทั้งสร้างสถานที่ทำงานที่แวดล้อมไปด้วยความสุข เพื่อให้พนักงานกว่า 80,000 คน ใน 3 ประเทศ คือไทย เวียดนาม และอิตาลี สามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการก้าวสู่ ‘A Winning Team’ ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดและเติบโตไปด้วยกัน
ขณะเดียวกันยังตอกย้ำเจตนารมณ์ในการลดความเหลื่อมล้ำในที่ทำงาน ขยายโอกาสและสร้างความเท่าเทียม ด้วยการสนับสนุนการจ้างงานบุคลากรผู้พิการและผู้สูงอายุกว่า 500 คน ให้มีอาชีพและรายได้ เพื่อดูแลตนเองและครอบครัว
บทพิสูจน์การเป็น ‘A Great Place to Work’ ของเซ็นทรัล รีเทล ได้อย่างดีคือรางวัลมากมายที่ได้รับ อาทิ รางวัลองค์กรดีเด่นที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย Best Companies to Work for in Asian 2023 จากนิตยสาร HR Asia สื่อชั้นนำด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลในภูมิภาคเอเชีย และรางวัล Global Best Employer Brand Award 2023 หรือรางวัลสุดยอดนายจ้างยอดเยี่ยมระดับโลก จาก The Employer Branding Institute และ World HRD Congress สถาบันด้านทรัพยากรมนุษย์ชั้นนำของโลก 2 ปีซ้อน และอีก 6 รางวัลจากเวที HR Excellence Awards 2023 ที่จัดโดย Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์
Care for the Community
มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ที่ผ่านมาเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าสร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้ชุมชนผ่านโครงการต่างๆ อาทิ ‘จริงใจ ฟาร์มเมอร์ มาร์เก็ต’ หนึ่งในโมเดลต้นแบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพิ่มศักยภาพกลุ่มเกษตรกรไทย ผ่านมาตรการสร้างอาชีพ เสริมรายได้ ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งรวมผักผลไม้ปลอดสารพิษจากเกษตรกรท้องถิ่น พร้อมส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 32 สาขาทั่วไทย ช่วยสนับสนุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี พร้อมตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2573
นอกจากนี้ยังสร้างงานให้ชุมชน และร่วมต่อยอดภูมิปัญญาไทย ผ่านโครงการศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง จนกลายเป็นต้นแบบของศูนย์การเรียนรู้การอนุรักษ์เชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
ยิ่งไปกว่านั้น ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ผ่านแคมเปญ ‘Gift to Gifted เด็กเก่ง แจ้งเกิด’ เพื่อสนับสนุนเยาวชนไทยที่มีความสามารถ สะท้อนความมุ่งมั่นของเซ็นทรัล รีเทล ที่เชื่อว่าการสร้างคนคือพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืน รวมไปถึงการจับมือร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. เพื่อสานฝันให้เด็กเก่งทั่วประเทศได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม
Care for the Sustainability
เซ็นทรัล รีเทล ตอกย้ำเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กร Green & Sustainable Retail ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเป็นองค์กรค้าปลีกค้าส่งต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย โดยสื่อสารและลงมือทำเพื่อสร้างความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ ReNEW มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น ‘Reduce Greenhouse Gases’ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้โซลาร์เซลล์ ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในกลุ่มธุรกิจ ติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน ตลอดจนการลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว โดยตั้งเป้าการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี 2573 และตั้งเป้า Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
‘Navigate Society Well-being’ สร้างสังคมให้น่าอยู่ด้วยการผนึกกำลังคู่ค้าในการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจให้ลดต้นทุน ลดขั้นตอน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านโลจิสติกส์และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้บริโภค รวมทั้งให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ชุมชนและช่องทางการจำหน่าย โดยสามารถสนับสนุนชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมกำหนดเป้าหมายในปี 2030 เป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี
‘Eco-Friendly Product and Packaging’ ส่งเสริมการใช้วัสดุและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลกจำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Tops Green โดยตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง และ ‘Waste Management’ แยกขยะอย่างถูกวิธีเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือแก๊สหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ผ่านโครงการสมุยโมเดล ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อมจาก The Global CSR & ESG Awards 2023 รวมถึงยังมีการประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านหลัก 3Rs และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ทำให้สามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้แล้วกว่า 15%
จากความสำเร็จในโครงการด้านความยั่งยืนทั้งหมดข้างต้น ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ประจำปี 2566 ในระดับ ‘AAA’ ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดของไทย จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Commended Sustainability Awards จากเวที SET Awards 2023 พร้อมได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ DJSI ประจำปี 2566 ในกลุ่ม World และ Emerging Markets อีกด้วย
Care for the Governance
ปรัชญาการดำเนินธุรกิจข้อสุดท้ายคือมุ่งสร้างองค์กรที่บริหารงานและดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันและการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม ตามหลัก GRC (Governance, Risk, Compliance) บนจรรยาบรรณ 5 เรื่อง คือความซื่อสัตย์, ความสุจริต, มีจริยธรรม, โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
เซ็นทรัล รีเทล ได้มีการแต่งตั้งกรรมการที่มีความรู้ความสามารถหลากหลาย และมีประสบการณ์การทำงานด้านธุรกิจค้าปลีก เพื่อกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจให้มีความโปร่งใสและรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (Corporate Governance and Sustainability Committee) เพื่อขับเคลื่อนประเด็นด้านการกำกับดูแลกิจการและการพัฒนาที่ยั่งยืน
อีกทั้งเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai Private Sector Collective Action Against Corruption: CAC) ตั้งแต่ปี 2565 โดยได้มีการฝึกอบรมด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างต่อเนื่องให้กับพนักงาน พร้อมทั้งจัดทำคู่มือการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณองค์กรที่ใช้ในการสื่อสารและฝึกอบรมให้กับกรรมการเซ็นทรัล รีเทล และพนักงานทุกระดับ พร้อมทั้งเปิดเผยไว้บนเว็บไซต์ของเซ็นทรัล รีเทล และกำหนดให้มีการทบทวนเป็นประจำทุกปี รวมถึงสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าและนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันไปยังคู่ค้าทุกราย
และนี่คือเบื้องหลังการดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญา ‘CRC Care’ ทั้ง 7 มิติ ที่เซ็นทรัล รีเทล ได้ลงมือทำไปแล้ว ประสบผลสำเร็จแล้ว และยังคงเดินหน้าทำสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ญนน์ยังบอกด้วยว่า เซ็นทรัล รีเทล จะใช้ Ecosystem ทั้งหมดที่มีอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับและสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
“ทุกสิ่งที่เราได้ทำมาภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ CRC Care ทั้ง 7 มิตินี้ คือความมุ่งมั่นที่จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงเดินหน้าทำทุกสิ่ง และใช้ Ecosystem ของเราอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับและสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงข้างไปกับเซ็นทรัล รีเทล ตลอดไป” ญนน์กล่าวสรุป