บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,268 ล้านบาท เติบโต 171% โดยมีรายได้รวม 6,364 ล้านบาท เพิ่ม 34% สาเหตุหลักที่ผลการดำเนินงานดีขึ้นมาจากค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารได้ตามแผน พร้อมเกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ใกล้ชิด
CPN เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 กำไรสุทธิ 1,268.56 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.29 บาท เติบโต 171.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 467.12 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 5,103.22 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 5,059.11 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.13 บาท
ในไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้รวม 6,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.5% และงวด 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 15,893 ล้านบาท ลดลง 1.6% หากไม่รวมรายการที่มิได้เกิดขึ้นประจำและผลกระทบจากมาตรฐานรายงานทางการเงิน บริษัทมีรายได้รวม 5,933 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 629 ล้านบาท และงวด 6 เดือนมีรายได้รวม 12,582 ล้านบาท และกำไสุทธิ 1,886 ล้านบาท
โดยหลักรายได้ค่าเช่าและบริการในไตรมาส 2/64 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดและมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการปิดให้บริการศูนย์การค้าชั่วคราว
ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผลการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
CPN ระบุว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก บริษัทยังคงต้องติดตามและประเมินผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับตามสภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายใหม่มีประสิทธิภาพ รวมถึงทบทวนและปรับแผนการลงทุนเพื่อบริหารจัดการกระแสเงินสดและเตรียมสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการรับมือสถานการณ์โควิด-19 และดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงต่อไปตามที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด
ปัจจุบัน CPN มี 4 ธุรกิจภายใต้การบริหารงาน ได้แก่ 1. ธุรกิจศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่า 2. ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร 3. ธุรกิจโรงแรม และ 4. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัย ซึ่งรวมอสังหาริมทรัพย์ได้โอนไปยังทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทัรพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) และรวมถึงโครงการที่อยู่ภายใต้บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเซ็นทรัลพัฒนา
CPN บริหารจัดการศูนย์การค้าทั้งสิ้น 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.8 ล้านตารางเมตร รวมถึงมีอัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าในประเทศเฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 91%
เป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2564-2568) CPN จะรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีให้ใกล้เคียงกับแผนเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 10% จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมแห่งใหม่ รวมถึงการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า และพัฒนาโครงการที่พักอาศัยโครงการโรงแรมและอาคารสำนักงาน ทั้งส่วนที่ประกาศแผนการพัฒนาแล้วและส่วนที่ยังไม่ได้ประกาศ และได้เตรียมพร้อมด้านฐานะการเงิน รักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการรองรับการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีการแพร่ระบาดของโควิด โดยได้ประกาศแผนการพัฒนาโครงการใหม่ เช่น เซ็นทรัล อยุธยา (เปิดปี 2564) เซ็นทรัล ศรีราชา (เปิดปี 2564) เซ็นทรัล จันทบุรี (เปิดปี 2565) และดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (ทยอยเปิดตั้งแต่ปี 2566-2567 เป็นต้นไป)
นอกจากนี้มีแผนปรับปรุงศูนย์การค้าเดิมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันต่อไป มีการศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศรวมถึงที่ดินรอการพัฒนาภายใต้ GLAND และยังเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรมและโครงการที่พักอาศัย และบริษัทยังได้ศึกษาโอกาสเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในสินทรัพย์และธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง และให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี