การระบาดใหญ่ของโควิดเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลก รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคส่วนต่างๆ ทำให้ ‘อุตสาหกรรม Data Center’ เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากการพัฒนานี้
จากข้อมูลของ Economic Intelligence Center (EIC) ประเมินว่าอุตสาหกรรม Data Center ในไทยจะเติบโตขึ้นเฉลี่ย 20% ในช่วงปี 2563-2565 จนมีมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เมื่อยักษ์ใหญ่ ‘Data Center’ ปักหมุดลงทุนไทย 1.9 แสนล้านบาท เราจะได้อะไรจากการมาครั้งนี้
- ถึงเวลา ‘บิ๊กคอร์ป’ ลงสนาม Data Center หลังความต้องการในไทยพุ่ง-ทุนนอกเล็งใช้เป็น Hub แทนสิงคโปร์
- GULF ผนึก Singtel และ ADVANC ลุยพัฒนาธุรกิจ Data Center ในไทย โบรกประเมินสร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี
แม้จะมีแนวโน้มที่ดีเช่นนี้ แต่ก็ยังมีความท้าทายสำคัญสำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรม Data Center ของไทย เพราะต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นสูงและการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทต่างชาติเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับธุรกิจไทยที่ต้องการร่วมทุนหรือขยายเข้าสู่ตลาดนี้
กระนั้นด้วยโอกาสที่มากกว่าก็ได้ ทำให้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN จับมือร่วมทุนกับบริษัท Evolution Data Centres (EDC) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Data Center และกำลังขยายธุรกิจครอบคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ Data Center ขนาด 34 เมกะวัตต์
เป้าหมายของธุรกิจดังกล่าวคือการเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ด้วย Sustainable Hyper-Scale Data Centre เพื่อตอบรับดีมานด์ของธุรกิจ Cloud Computing และ Data Storage ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภูมิ จิราธิวัฒน์ Head of Alternative Investments บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า จากที่โลกจะมุ่งสู่ Digitalisation มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น การใช้ Data จะมีความจำเป็นในทุกอุตสาหกรรมและเติบโตรวดเร็วแบบทวีคูณ
ดังนั้นการที่เซ็นทรัลพัฒนาในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่างๆ พัฒนา Data Center ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต จะช่วยเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจต่างๆ ของเซ็นทรัลพัฒนาและธุรกิจหลากหลายในเครือกลุ่มเซ็นทรัล และสนับสนุนการพัฒนาประเทศทางด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างยั่งยืน
“สำหรับการลงทุนในโครงการร่วมทุนนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ระยะยาวที่เราได้วางไว้เพื่อการลงทุนอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยจะเป็นส่วนหนึ่งในงบการลงทุนพัฒนา Digital Transformation & Technology Infrastructure ปีละ 300-500 ล้านบาท ตามที่เคยได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2566”
อย่างไรก็ตาม ภูมิยอมรับว่า ความท้าทายในการพัฒนาธุรกิจแห่งอนาคตนี้คือการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องกฎหมายต่างๆ การสร้างความเข้าใจ และการเท่าทันต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ที่ผ่านมาเราได้เห็นยักษ์ใหญ่กระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) จับมือกับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) ของสิงคโปร์ เพื่อที่จะพัฒนาธุรกิจ Data Center ในไทย
ไม่เพียงแค่นั้น Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon.com ยังได้ประกาศที่จะทุ่มเงินลงทุน 1.9 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 15 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ในไทยอีกด้วย
