×

‘เซ็นทรัลพัฒนา’ พิสูจน์ความมุ่งมั่นในการเป็น Ecosystem ที่แข็งแกร่งและก้าวสู่ระดับโลก คว้าที่ 1 ด้านความยั่งยืน DJSI World ปี 2023 ด้วยคะแนนสูงสุด จาก 299 องค์กรทั่วโลกในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ [ADVERTORIAL]

16.02.2024
  • LOADING...
เซ็นทรัลพัฒนา

ในโลกที่การพัฒนาต้องเดินหน้าไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนทุกระดับให้ความสนใจอย่างมาก ‘ดัชนี Dow Jones Sustainability Indices (DJSI)’ จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการประเมินและเป็นมาตรฐานสำหรับการลงทุนที่ยั่งยืน

 

สิ่งที่น่าสนใจคือดัชนี DJSI เป็นดัชนีที่คัดเลือก ‘หุ้นยั่งยืนระดับโลก’ เป็นดัชนีหลักทรัพย์ของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีความโดดเด่นในการทำธุรกิจ และคำนึงถึงประเด็นเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก โดยผ่านการประเมินความยั่งยืนรายปี จัดอันดับโดย S&P Global ตามตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน

 

ซึ่งผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกให้การยอมรับและใช้เป็นข้อมูลในการลงทุนที่มีผู้ลงทุนสถาบันและกองทุนต่างๆ ทั่วโลกให้ความสนใจลงทุน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนกว่า 5,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.8 แสนล้านบาท ในปี 2023 มีบริษัททั่วโลกเข้าร่วมการประเมิน 9,400 แห่ง

 

เป็นที่น่ายินดีว่า ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ ตอกย้ำความแข็งแกร่ง ขึ้นแท่นเบอร์ 1 องค์กรยั่งยืนระดับโลก ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) สูงสุดเป็นอันดับ 1 ระดับโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Management & Development) จากการประกาศผล Sustainability Yearbook 2024 โดย S&P Global

 

นับว่าเซ็นทรัลพัฒนาติดอันดับเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก (DJSI World) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 และเป็นสมาชิกของ S&P Global Sustainability Yearbook ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6

 

 

การได้คะแนนสูงสุดอันดับ 1 ในดัชนีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการประกาศความเป็นเลิศในเวทีโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงในการนำหลักการของความยั่งยืนมาใช้ในทุกแง่มุมของการดำเนินธุรกิจ

 

ความสำเร็จนี้ไม่เพียงถามถึง “เราทำได้อย่างไร” แต่ยังถามว่า “สิ่งนี้สื่อถึงอะไรและนักลงทุนควรตีความอย่างไร?” การได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ไม่เพียงแสดงถึงความเป็นเลิศในด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมทางสังคม และการกำกับดูแลการบริหารจัดการองค์กร แต่ยังส่งสัญญาณถึงโอกาสในการลงทุนที่มีความยั่งยืนและผลตอบแทนระยะยาว

 

ดังนั้นคำถามที่เราควรถามไม่ใช่เพียงว่า “บริษัทได้อะไรจากความสำเร็จนี้?” แต่ควรถามว่า “บริษัทและนักลงทุนสามารถนำความสำเร็จนี้ไปสร้างอะไรได้บ้าง?” และ “ความสำเร็จนี้มีความหมายอย่างไรต่ออนาคตของการลงทุนที่ยั่งยืน?”

 

ในบทความนี้เราจะสำรวจเบื้องหลังความสำเร็จของเซ็นทรัลพัฒนา และพิจารณาว่าความสำเร็จนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อตลาดและนักลงทุน พร้อมกับแสดงถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของการลงทุนที่ยั่งยืน

 

ผลงานที่ชัดเจนในด้าน ESG

การที่เซ็นทรัลพัฒนาได้รับคะแนนสูงสุดในดัชนีความยั่งยืน DJSI World เป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ ESG (Environmental, Social and Governance) ที่มีประสิทธิภาพและการนำเสนอผลงานที่เป็นรูปธรรมในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมีตัวอย่างโครงการและกิจกรรมที่สามารถสะท้อนถึงความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน ได้แก่

 

สิ่งแวดล้อม (Environmental): Journey to NET Zero 2050 ด้วยความมุ่งมั่นดำเนินตามเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็น ‘ศูนย์’ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เซ็นทรัลพัฒนาจึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวทางอาคารประหยัดพลังงาน หรือ Green Building ทำให้ที่ผ่านมาได้รับรางวัล Thailand Energy Awards แล้วจำนวน 45 รางวัล, รางวัล MEA Energy Awards 17 รางวัล, รางวัลระดับอาเซียน Asean Energy Awards 13 รางวัล และได้รับการรับรองประกาศนียบัตร Leadership in Energy & Environmental Design (LEED) อีก 3 อาคาร

 

ซึ่งล่าสุดได้รับการรับรอง LEED ระดับ ‘Gold’ ที่ CentralwOrld Offices ด้วยกระบวนการออกแบบบูรณาการ ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ประกอบกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และจัดการขยะ ส่งผลให้มีการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์โดยรวมได้ 19.3% เมื่อเทียบกับปี 2019 นอกจากนี้ยังขยายการติดตั้ง Solar Rooftop บนอาคารศูนย์การค้ารวม 26 แห่ง จัดตั้งจุดรีไซเคิลถาวรและหมุนเวียน 15 แห่ง ให้ชุมชนมีโอกาสได้ร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม จัดการขยะตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดขยะฝังกลบได้กว่า 31,000 ตัน

 

รวมถึงติดตั้ง EV Charging Station ในศูนย์การค้า 40 แห่ง 19 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 400 ช่องจอด โดยเซ็นทรัลพัฒนายังคงมุ่งมั่นพัฒนามาตรการประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ตามแนวทาง Science Based Targets initiative (SBTi)

 

สังคม (Social): ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชนทั่วประเทศ (Local Wealth) สร้างศูนย์กลางของชุมชนในการสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนพื้นที่ขายสินค้าให้ชุมชน เกษตรกร SMEs เช่น โครงการหลวง, ตลาดจริงใจ Farmers’ Market และสินค้า OTOP สร้างรายได้รวมมูลค่า 411 ล้านบาท

 

และสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐด้านสาธารณสุข, กีฬา, ศิลปวัฒนธรรม, ศูนย์บริการหนังสือเดินทาง, หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และศูนย์รับบริจาคโลหิตถาวรระดับจังหวัด รวม 15 ล้านซีซี รวมกว่า 1,650 กิจกรรมของศูนย์การค้า พร้อมสนับสนุนท้องถิ่นผ่านการจัดซื้อจัดจ้างอีกกว่า 5,300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังสร้าง ‘Sustainable Tourism Ecosystem’ ผ่านแคมเปญ ‘GO LOCAL, LOVE LOCAL’ ผลักดันการท่องเที่ยวของไทยทั่วประเทศ เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

 

ธรรมาภิบาล (Governance): ผนึกกำลังพันธมิตรคู่ค้าและร้านค้าเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร Retail-Led Mixed-Use Development อำนวยความสะดวกสบาย และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมให้ผู้คนในระดับภูมิภาคของประเทศ โดยให้บริการสาธารณะแก่ชุมชนรวมกว่า 4 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบบนพื้นฐานการกำกับดูแลที่ดี มีจรรยาบรรณ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน เคารพสิทธิมนุษยชน และให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างจริงจัง

 

มีมาตรการจัดการความเสี่ยง มาตรการความปลอดภัย การรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังวางแผนลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี ด้วยมูลค่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 1.2 แสนล้านบาท ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อยกระดับความเจริญแก่ชุมชนท้องถิ่น ด้วยความมุ่งมั่นสร้างคุณค่าสู่สังคมผ่านกระบวนการทางธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชุมชนในระยะยาว นำไปสู่การยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีและพัฒนาความยั่งยืนให้แก่ผู้คนในประเทศอย่างแท้จริง

 

ความสำเร็จนี้ยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ ‘Imagining Better Futures for All’ ของเซ็นทรัลพัฒนา ที่ไม่เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคนผ่านการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน

 

การได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของโลกในดัชนี DJSI World ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติยศและการยอมรับในระดับสากลเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นแบบอย่างในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนที่บริษัทอื่นๆ สามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ได้

 

 

วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าองค์กรสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ DJSI มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการก้าวสู่ผู้นำอันดับ 1 จากจำนวน 299 องค์กรระดับโลกในอุตสาหกรรมเดียวกัน เป็นการยืนยันถึงจุดยืนและวิสัยทัศน์ระดับโลกของบริษัท ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Imagining Better Futures for All’ และโมเดลธุรกิจ ‘The Ecosystem for All’ ที่แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับบทบาท Place Maker และเป็นผู้นำพัฒนาเมืองทั่วประเทศ ด้วยพันธกิจในการดูแลคุณภาพชีวิตของ ‘People’ คนและชุมชน และ ‘Planet’ โลกและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นผู้พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสรายแรกของประเทศไทยที่บรรลุเป้าหมาย NET Zero ในปี 2050”

 

ความสำคัญของการลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน

การที่ ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ในดัชนีความยั่งยืน DJSI World ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีผลกระทบที่สำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดการลงทุนโดยรวมดังนี้

 

ต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์

 

  • เพิ่มมาตรฐาน: การที่บริษัทชั้นนำได้รับการจัดอันดับสูงสุดเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทอื่นๆ ในตลาดนี้มีแรงจูงใจในการยกระดับมาตรฐานและนโยบายของตัวเองเพื่อสอดคล้องกับความคาดหวังด้านความยั่งยืน
  • การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: การได้รับการจัดอันดับเช่นนี้สร้างแรงกดดันให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพื่อพัฒนาและนำเสนอโครงการที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อดึงดูดนักลงทุนและลูกค้า

 

ต่อตลาดการลงทุนโดยรวม

 

  • ดึงดูดนักลงทุน: ข่าวนี้เน้นย้ำถึงการเติบโตและความเป็นไปได้ของการลงทุนที่ยั่งยืนในตลาดการลงทุนโดยรวม นักลงทุนที่มีความสนใจในปัจจัย ESG อาจถูกดึงดูดเข้าสู่บริษัทที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในด้านนี้
  • เพิ่มความตระหนักรู้: การได้รับการจัดอันดับสูงส่งผลให้มีการเพิ่มความตระหนักรู้ในหมู่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับความสำคัญของการลงทุนที่ยั่งยืนและผลกระทบต่อผลตอบแทนระยะยาว

 

การตอบรับจากนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

 

  • การตอบรับที่เป็นบวก: นักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมักมีการตอบรับที่เป็นบวกต่อข่าวการจัดอันดับสูงสุดเช่นนี้ เนื่องจากสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีคุณภาพและการมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน
  • การเพิ่มการลงทุน: อาจมีการเพิ่มการลงทุนในบริษัทจากนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนที่สอดคล้องกับค่านิยมด้านความยั่งยืนของตนเอง
  • การสร้างความไว้วางใจ: การได้รับการจัดอันดับสูงสุดในดัชนีความยั่งยืนช่วยสร้างความไว้วางใจและภาพลักษณ์ที่ดีต่อบริษัท ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความมั่นใจมากขึ้นในการสนับสนุนและทำธุรกิจกับบริษัท

 

 

เพิ่มความน่าลงทุนใน ‘เซ็นทรัลพัฒนา’

การได้รับการจัดอันดับสูงสุดจาก DJSI World มีผลกระทบอย่างมากต่อความน่าลงทุนในเซ็นทรัลพัฒนาในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

 

เพิ่มความน่าเชื่อถือ: การจัดอันดับนี้เพิ่มความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของเซ็นทรัลพัฒนาในตลาด ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นในการบริหารจัดการและแนวทางที่ยั่งยืนของบริษัท

 

ดึงดูดนักลงทุน: นักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัย ESG มีแนวโน้มที่จะดึงดูดเข้ามาลงทุนในบริษัทที่มีคะแนนสูงในดัชนีความยั่งยืน เนื่องจากมองเห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งการวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมีแนวโน้มที่จะมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงที่ดีและการมีมุมมองระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ

 

ตัวอย่างเช่น ตามรายงานจาก MSCI ESG Research บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนของราคาหุ้นที่ต่ำกว่าและมีผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว และการศึกษาจาก Bank of America Merrill Lynch พบว่า บริษัทที่มีคะแนน ESG สูงมีโอกาสน้อยกว่าที่จะล้มละลายเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีคะแนน ESG ต่ำ

 

เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ: ความเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนสามารถเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในตลาดที่มีอยู่และตลาดใหม่ที่มีความต้องการสูงสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืน

 

 

การจัดอันดับสูงสุดใน DJSI World เป็นเครื่องมือสำคัญที่เซ็นทรัลพัฒนาใช้เป็นหลักฐานของความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงให้กับบริษัทเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี พร้อมกับมีผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นบวก

 

การลงทุนที่ยั่งยืนไม่เพียงแต่เป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับโลกและสังคมเท่านั้น แต่ยังเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดทางการเงิน ด้วยการเติบโตของการลงทุนที่ยั่งยืน มีโอกาสมากมายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลกำไร พร้อมทั้งสร้างผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นบวก ดัชนีความยั่งยืนเป็นเครื่องมือที่มีค่าในการช่วยนักลงทุนตัดสินใจและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืนในอนาคต

 

ซึ่งการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างโลกที่ดีขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อพอร์ตการลงทุนของคุณด้วยเช่นกัน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X