หุ้น CPANEL และ UBE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้วันแรก โดยหุ้น CPANEL เปิดการซื้อขายที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.7 บาท หรือ 45% จากราคา IPO ที่ 6 บาท
ขณะที่หุ้น UBE เปิดการซื้อขายที่ 2.28 บาท ลดลง -0.12 บาท หรือ 5% จากราคา IPO ที่ 2.40 บาท
บมจ.ซีแพนเนล หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันนี้ (30 กันยายน) ด้วยราคา IPO ที่ 6 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 900 ล้านบาท
CPANEL ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นและผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Slab and Wall Panel) และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป อาทิ คาน บันได ผนังรับหลังคา ฟาซาด เป็นต้น ซึ่งใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารคลังสินค้า และโรงงานอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า ‘CPANEL’
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป 2. ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานอาคารและวัสดุก่อสร้างอื่น ซึ่งงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 84:16
บริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้ารองคือ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยในช่วงปี 2561-2563 มีสัดส่วน 80-85:20-25
CPANEL มีทุนชำระแล้ว 150 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 110.5 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 39.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 237 ล้านบาท ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 31.58 เท่า
ชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ CPANEL กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนก่อสร้างโรงงานเพิ่มขยายกำลังการผลิต ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
CPANEL มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 2 อันดับแรกคือ กลุ่ม ชาคริต ทีปกรสุขเกษม ถือหุ้น 47.73% และกลุ่ม นิพนธ์ ลีละศิธร ถือหุ้น 7.61% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท
ขณะที่ บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกวันนี้ (30 กันยายน) ราคา IPO อยู่ที่ 2.40 บาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 9,394 ล้านบาท
UBE เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจเอทานอล ผลิตและจำหน่ายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงและเกรดอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศ ด้วยกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน 2. ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง เกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ทั้งแบบทั่วไปและออร์แกนิกภายใต้แบรนด์ ‘อุบลซันฟลาวเวอร์’ และมีผลิตภัณฑ์จากแป้งฟลาวมันสำปะหลัง ภายใต้แบรนด์ ‘Tasuko’ และ 3. ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชออร์แกนิก เช่น ข้าว กาแฟ
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ ควบคู่กับธุรกิจพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
UBE มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 3,914.28 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 1,370 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 2,818 ล้านบาท
เดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินจากการระดมทุนไปขยายและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตในธุรกิจเอทานอล ขยายกำลังการผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเกษตรอินทรีย์ให้มีมูลค่าสูง
UBE มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวโควสุรัตน์ ถือหุ้น 25.77% บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด ถือหุ้น 12.39% และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 12.39% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
UBE มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ กระแสเงินสด และแผนการลงทุนของบริษัทตามความเหมาะสม