×

CPALL – ตลาดกังวลเกี่ยวกับข่าวซื้อกิจการมากเกินไป

24.10.2023
  • LOADING...
CPALL

เกิดอะไรขึ้น:

ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลดลง 6% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา Underperform SET อยู่ 3% เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่อง C.P. Group เข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม ซึ่ง InnovestX Research คาดว่าราคาหุ้น CPALL จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยกระตุ้นดังนี้

 

  1. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อธุรกิจค้าปลีกในเวียดนาม ข่าวจาก Mergermarket เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ระบุว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. Group) กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการประมูลซื้อหุ้น 20% ใน Bach Hoa Xanh Technology and Investment JSC (BHX) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม โดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 1.5-2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ส่งผลทำให้ตลาดเกิดความกังวลว่า CPALL และ CPAXT (ภายใต้ C.P. Group) จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการครั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม CPALL และ CPAXT ได้ออกมาปฏิเสธว่าบริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมนี้ และยังคงมุ่งมั่นบริหารธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป

 

  1. กำไรปกติ 3Q66 จะเติบโตแข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q66 ของ CPALL ที่ 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY แต่ลดลง 4%QoQ หากไม่รวมขาดทุนพิเศษ 12 ล้านบาท จากขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ในจีนของ CPAXT (ตามสัดส่วนของ CPALL) กำไรปกติจะอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%YoY แต่ลดลง 8%QoQ กำไรปกติที่เติบโต YoY ได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากยอดขายและมาร์จิ้นที่แข็งแกร่งขึ้นในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) และส่วนหนึ่งเกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นของ CPAXT เพราะดอกเบี้ยจ่ายลดลง ในขณะที่กำไรปกติที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล

 

ซึ่งธุรกิจ CVS ใน 3Q66 คาดว่า SSS จะเติบโต 2.5%YoY (ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ลดลง 1%YoY) จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยว และคาดว่า CPALL จะเปิดสาขาใหม่ 150 สาขาใน 3Q66 ซึ่งจะส่งผลทำให้จำนวนสาขาสุทธิอยู่ที่ 14,365 สาขา ณ สิ้น 3Q66 (เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 1%QoQ) อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น QoQ จากการมียอดขายสินค้ากลุ่มของใช้ส่วนตัวและสินค้ากลุ่ม Ready to Eat & Drink ที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยว การตัดสินใจซื้อแบบฉับพลันที่เพิ่มขึ้น และผลกระทบเชิงบวกจากการปรับราคา YoY

 

ด้านอัตราค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย จะอยู่ภายใต้การควบคุม โดยค่าไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาที่สูงขึ้นจะถูกชดเชยด้วยยอดขายที่สูงขึ้น CPAXT (CPALL ถือหุ้น 60%) ซึ่งประเมินกำไรปกติ 3Q66 ของ CPAXT ได้ที่ 1.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%YoY และ 4%QoQ หลักๆ เกิดจากดอกเบี้ยจ่ายในงบการเงินรวมที่ลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำเสร็จในเดือนเมษายน โดยใน 3Q66 คาดว่า SSS ในธุรกิจ B2B จะเติบโต 2.5%YoY และธุรกิจ B2C จะเติบโต 1%YoY ยอดขายที่ดีขึ้นจะถูกลดทอนลงบางส่วน โดยอัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอลงในธุรกิจ B2C จากการจัดโปรโมชันราคาเพิ่มมากขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย ที่สูงขึ้นในธุรกิจ B2B จากการลงทุนใน O2O

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับลง 6.30%WoW อยู่ที่ระดับ 55.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.54%WoW อยู่ที่ระดับ 1,399.35 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลดลงกว่า 6% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่ง CPALL และ CPAXT ได้ออกมาปฏิเสธว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อธุรกิจนั้น ขณะที่ด้านผลประกอบการ CPALL จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่รายงานกำไรปกติ 3Q66 เติบโต YoY (เพิ่มขึ้น 11%YoY) ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ และใน 4Q66 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโตต่อเนื่อง YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT (ดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ) ส่วนปี 2566 คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 29%YoY สู่ 1.7 หมื่นล้านบาท

 

ด้านราคาหุ้น ปัจจุบันหุ้น CPALL ซื้อขายที่ PE ปี 2566 ระดับ 30 เท่า (-1 S.D. จาก PE เฉลี่ย 10 ปี) โดย InnovestX Research ยังคงให้เรตติ้ง OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.0% และการเติบโตระยะยาว 2.5%)  ที่ 78 บาทต่อหุ้น

 

ความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และนโยบายรัฐบาลใหม่

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising