ภายหลังจากการคลายล็อกดาวน์ในไตรมาส 4/64 จำนวนลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายภายในร้าน 7-Eleven เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริการเดลิเวอรีที่มีโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง
เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.ซีพี ออลล์ หรือ CP ALL เปิดเผยผ่านงาน Opportunity Day ว่า หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ ทำให้สาขาร้าน 7-Eleven กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ 24 ชั่วโมง รวมทั้งบางสาขาที่ปิดชั่วคราวไปในช่วงล็อกดาวน์ก็สามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ ส่งผลให้จำนวนลูกค้ากลับเข้ามาซื้อสินค้าในร้าน 7-Eleven เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จก็ปรับเพิ่มขึ้นช่นกัน ซึ่งประเมินว่าเป็นเพราะผู้บริโภคยังคงระวังตัวท่ามกลางสถานการณ์โควิด ทำให้ไม่ต้องการซื้อสินค้าในร้านบ่อยครั้ง
ในส่วนของบริการเดลิเวอรีนั้น ลูกค้ายังคงใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุ้นชินกับพฤติกรรมแบบ New Normal ส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบริการเดลิเวอรีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะบริษัทมีการจัดโปรโมชันอยู่ประจำ
“แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/64 ประเมินว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เห็นการฟื้นตัวขึ้น จะช่วยเข้ามาหนุนยอดขายในช่วงไตรมาส 4/64 ของ 7-Eleven ได้”
สำหรับแผนการขยายสาขา 700 แห่งในปีนี้ ณ 9 เดือนที่ผ่านมา ได้ดำเนินการเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 450 สาขา เหลืออีก 250 สาขา ที่จะต้องดำเนินการหาพื้นที่เปิดสาขาให้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผน และในปี 2565 วางแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 700 สาขา ซึ่งจะใช้งบลงทุนในการเปิดสาขาใหม่ราว 1-1.2 หมื่นล้านบาท
เกรียงชัยกล่าวถึงกรณีการขายหุ้น MAKRO ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือนั้น เงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวน 363.2 ล้านหุ้น น่าจะมีมูลค่าขายราว 1 หมื่นล้านบาท บริษัทจะนำมาลดต้นทุนทางการเงินและภาระทางการเงินของบริษัทได้ ซึ่งจะช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น และเงินส่วนที่เหลือ บริษัทจะนำมาลงทุนขยายสาขาและบริการเดลิเวอรีของ 7-Eleven และใช้สำหรับหาโอกาสในการลงทุนขยายไปยังต่างประเทศ ทั้งกัมพูชาและลาว รวมถึงขยายธุรกิจเข้าสู่โลกดิจิทัลด้วย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP