เมื่อกลางดึกวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี สั่งการให้ ชัยวัฒน์ ธรรมวัตร ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองอุดรธานี นำกำลัง อส. และประสานตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในซอยสามัคคี 9 หมู่ 3 ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองอุดรธานี พบมีกลุ่มคนที่คาดว่าเป็นแก๊งทวงหนี้มั่วสุมดื่มสุรา ส่งเสียงดังภายในบริเวณบ้านนาทราย จึงเข้าไปตรวจสอบบริเวณที่รับแจ้ง
เมื่อไปถึงพบมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน จอดอยู่หน้าบ้านและภายในบริเวณบ้าน เมื่อเดินเข้าไปภายในบริเวณบ้านพบกลุ่มบุคคลจำนวน 12 คน นั่งตั้งวงดื่มสุรา เบียร์ เหล้าขาว และเครื่องดื่ม เปิดเพลงจากท้ายรถยนต์ส่งเสียงดัง สนุกสนาน รบกวนชาวบ้านละแวกนั้นโดยไม่หวั่นเกรงผู้ใด
เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจและสั่งให้ปิดเพลง โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่า กำลังเลี้ยงสังสรรค์ฉลองวันเกิดเพื่อน โดยพรุ่งนี้เช้าจะแยกย้ายเดินทางกลับบ้าน ซึ่งแต่ละคนมาจากหลายจังหวัด เมื่อสอบถามถึงการประกอบอาชีพ แจ้งว่า มีอาชีพรับจ้างทวงหนี้ และถูกนายจ้างเลิกจ้างแล้วจากสถานการณ์โควิด-19
ชุดปฏิบัติการจึงได้แจ้งกลุ่มบุคคลดังกล่าวว่า ได้กระทำผิดโดยมั่วสุมกัน ทำการอันก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ตามข้อกำหนดแห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จึงได้เข้าจับกุม แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ยินยอมให้จับกุม อ้างว่า ไม่ได้มั่วสุม ไม่ได้ติดเชื้อโคโรนา และดื่มกินภายในบ้านของตนเองเท่านั้น ไม่ได้ออกไปไหน พร้อมทั้งยอมรับว่า ผิดที่มั่วสุมกัน ทั้งยังรู้ถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และขอเจรจาต่อรองขอให้ปล่อยไป เพราะจะแยกย้ายกันกลับบ้านแล้ว โดยยังไม่ยอมให้จับกุม
ชุดปฏิบัติการจึงได้ขอกำลังเสริมจาก สภ.เมืองอุดรธานี เพิ่มเติม จึงสามารถจับกุมควบคุมตัวมายังฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองอุดรธานีได้ในประมาณเวลา 23.30 น.
ซึ่งพฤติการณ์ของบุคคลทั้ง 12 คน ที่รวมตัวกันนั่งดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหาร ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนข้อ 5 แห่งข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งมีโทษตามข้อ 15 คือ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 หรือข้อ 6 แห่งข้อกำหนดนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ว่า ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงได้บันทึกจับกุมทั้ง 12 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล