วานนี้ (5 มกราคม) สุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งทางการได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ใน 28 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมานั้น ในส่วนของศาลยุติธรรมโดย ‘คณะอนุกรรมการศึกษา ติดตาม และแก้ไขการบริหารจัดการคดี ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019’ ที่มี เมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นประธานอนุกรรมการฯ ได้ออกแนวปฏิบัติการบริหารจัดการคดีในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นฉบับที่ 3 ซึ่งได้กำหนดมาตรการต่างๆ ที่จะใช้เป็นแนวทางให้กับหน่วยงานในสังกัดศาลยุติธรรมทั่วประเทศ ในการปฏิบัติงานที่จะไม่ให้เกิดอุปสรรคต่อการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ที่จะช่วยให้คู่ความที่ต้องติดต่อราชการศาลในทุกพื้นที่ได้รับความสะดวก โดยคดีไม่ได้รับผลกระทบด้วย สำหรับมาตรการที่กำหนดไว้ในแนวปฏิบัติการบริหารจัดการคดีในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ฉบับที่ 3 ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 4-31 มกราคม 2564 ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ คือ
- สำหรับคดีจัดการพิเศษ (คดีที่ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน และมีแนวโน้มที่จะพิจารณาให้เสร็จได้ภายในนัดเดียวหรือใน 1 วัน เช่น คดีแพ่งมโนสาเร่ คดีผู้บริโภค), คดีสามัญ (คดีที่ไม่ใช่คดีจัดการพิเศษ ซึ่งต้องสืบพยานหลักฐานของคู่ความ และไม่สามารถนั่งพิจารณาคดีให้เสร็จได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว) และคดีสามัญพิเศษ (คดีสามัญที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน มีพยานหลักฐานที่ต้องนำสืบจำนวนมาก ไม่สามารถนัดสืบต่อเนื่องกันไปจนเสร็จ ต้องสืบเป็นช่วงๆ ละ 2-4 วัน) ซึ่งศาลชั้นต้นที่เคยนัดไว้ระหว่างวันที่ 5-31 มกราคม 2564 ให้ศาลชั้นต้นเลื่อนคดีออกไปก่อน เว้นแต่คดีนั้นสามารถดำเนินการได้ตามแนวปฏิบัติที่กำหนดก่อนหน้านี้ เช่น การดำเนินการผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (VDO Conference) หรือเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น และให้นำมาตรการการบริหารจัดการสำหรับหน่วยงานที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) มาใช้บังคับ
- ส่วนคดีในศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นศาลฎีกาที่มีนัดพิจารณาไว้ระหว่างวันที่ 5-31 มกราคม 2564 นั้น อาจพิจารณาเลื่อนคดีได้ตามความเหมาะสม
- การกำหนดให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของหน่วยงาน หรือ Work from Home สำหรับงานที่ไม่จำเป็นต้องมาปฏิบัติที่ศาล (ศาลชั้นต้น ศาลชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกา) อาจพิจารณาให้ผู้พิพากษาที่ปฏิบัติงานนั้น Work from Home ได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็น เช่นเดียวกับข้าราชการในหน่วยงานสังกัดศาลยุติธรรม ก็อาจจัดให้ Work from Home ตามความเหมาะสม เพื่อลดจำนวนบุคลากรที่ต้องมาปฏิบัติงาน ณ ที่ทำการ โดยการลดจำนวนนั้นจะต้องไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
- ให้ทุกหน่วยงานจัดให้มีการแจ้งหมายเลขโทรศัพท์หรือช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานนั้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ดังนั้นหากมีข้อสงสัย พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่กำหนดไว้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของศาลต่างๆ
- ให้ทุกหน่วยงานจัดให้มีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตน การบันทึกข้อมูลการเดินทางเพื่อการสอบสวนโรค และให้ความช่วยเหลือในการตรวจหาเชื้อและการรักษาแก่บุคลากรในหน่วยงาน โดยสามารถประสานกับ ‘ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019’ สำนักการแพทย์ สำนักงานศาลยุติธรรม
สุริยัณห์กล่าวอีกว่า ภายหลังคณะอนุกรรมการศึกษาฯ ได้ออกแนวปฏิบัติการบริหารจัดการคดีฯ ฉบับที่ 3 ออกมาแล้ว สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดทราบโดยทันทีแล้วเพื่อปฏิบัติ อย่างไรก็ดี สำหรับสถานการณ์ที่ทุกคนต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทั้งการงดเดินทางที่ไม่จำเป็นในพื้นที่ประกาศควบคุมสูงสุดและในพื้นที่มีผู้คนจำนวนมากอยู่รวมกัน การต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่จะเสี่ยงต่อการรับเชื้อโดยไม่ทันรู้ตัวนั้น
แต่เมื่อมีความจำเป็นทางคดีที่อาจจะต้องยื่นฟ้อง ยื่นคำคู่ความ และคัดถ่ายเอกสาร ก็ยังสามารถเลือกใช้ช่องทางติดต่อศาลทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเทคโนโลยีออนไลน์ SMART COURT ทั้งระบบยื่นฟ้อง การส่งและรับคำคู่ความด้วย E-Filing Version 3 ได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง, ระบบติดตามสำนวนคดี Tracking System, ระบบ CIOS (ซีออส) หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม สำหรับการติดตามการแจ้งผลส่งหมาย-คำสั่งศาล-ผลคดี, E-Notice การส่งเอกสารทางคดี และการประกาศนัดไต่สวนคำร้อง เช่น คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก คำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตร โดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ, การคืนเงินในคดีให้แก่คู่ความผ่านระบบ Corporate Banking โดยนวัตกรรมต่างๆ เหล่านี้จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยสร้างความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้คู่ความ ซึ่งศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลยุติธรรมได้ปรับปรุงพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลปฏิบัติที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคู่ความ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างรวดเร็วในทุกพื้นที่
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล