×

ศาลค้านประกัน 6 ลูกน้องอดีตพระคม ช่วยซ่อนเงิน ทอง ชี้พฤติการณ์บ่อนทำลายพระพุทธศาสนาร้ายแรง

โดย THE STANDARD TEAM
11.05.2023
  • LOADING...
พระคม

วันนี้ (11 พฤษภาคม) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำตัว บุญส่ง หรือ อดีตพระมหาบุญส่ง อายุ 34 ปี, บุณยศักดิ์ หรือ ไอซ์, บุญเหลือ หรือ พระบุญเหลือ อายุ 37 ปี, ธนกฤต หรือ อดีตพระธนกฤต อายุ 34 ปี, บัณดิษฐ์ หรือ อดีตพระบัณดิษฐ์ อายุ 38 ปี, ณัฐพัชร์ หรือ อดีตพระณัฐพัชร์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-6 ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันต่อศาล

 

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ดำเนินคดีกับ วุฒิมา หรือ อดีตพระวุฒิมา ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 

 

และดำเนินคดีกับ คม หรืออดีตพระคม ผู้ต้องหาที่ 1, จุฑาทิพย์ ผู้ต้องหาที่ 3 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือรับของโจร กรณีผู้ต้องหาได้ร่วมกันเบียดบังเอาเงินของวัดป่าธรรมคีรีไปเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้วัดป่าธรรมคีรีได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 182,776,733 บาท

 

ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม เวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนคมจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้สั่งการให้บุญส่ง บุญเหลือ และบัณดิษฐ์ ไปเก็บทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี ทั้งเงินสดและทองคำที่อยู่ในห้องทำงานของอดีตพระคมและอดีตพระวุฒิมาบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางไว้ นำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด และรอให้อดีตพระคมสั่งว่าจะให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกจากวัดเมื่อใด 

 

ต่อมาเวลาประมาณ 20.00 น. วันเดียวกัน อดีตพระวุฒิมาได้สั่งให้บุญส่งและบัณดิษฐ์กับพวกขนย้ายทรัพย์สินและทองคำออกจากกุฏิเจ้าอาวาส เอาไปซุกซ่อนตามที่ต่างๆ เช่นกัน ครั้นพอถึงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม บุญส่ง, บุญเหลือ, ธนกฤต, บัณดิษฐ์ และณัฐพัชร์ ได้ช่วยกันเก็บรวบรวมทรัพย์สินเป็นเงินสดและทองคำจากห้องทำงานของอดีตพระคมและกุฏิเจ้าอาวาสของอดีตพระวุฒิมาบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางไว้ และนำไปซุกซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ ภายในวัด 

 

ในวันที่ 2 พฤษภาคม เวลาประมาณ 14.00 น. พระวุฒิมาได้ลาสิกขาและพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และแต่งตั้งพระราชวชิราลังการ ฉายา สุทธิญาโณ ดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี และจัดให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของวัด โดยเฉพาะทองคำน้ำหนัก 300 บาท (ราคาประมาณ 9 ล้านบาท) ซึ่งอดีตพระวุฒิมาใช้เงินของวัดป่าธรรมคีรีไปซื้อมา และนำไปเก็บไว้ภายในตู้เซฟภายในกุฏิของตนเองภายในวัดดังกล่าว ซึ่งต่อมารักษาการเจ้าอาวาสสั่งห้ามเข้ากุฏิของเจ้าอาวาส 

 

ต่อมาในวันที่ 7 พฤษภาคม อดีตพระคมได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อหาณัฐพัชร์ แต่ณัฐพัชร์ไม่ได้รับสาย และต่อมาณัฐพัชร์จึงโทรศัพท์กลับไป พบว่าผู้รับสายเป็นเสียงของอดีตพระคมพูดว่า ให้บอกบุญส่งและบัณดิษฐ์ว่าให้เอาของที่ยังอยู่ในวัดออกไปข้างนอกให้หมด และพระสองรูปนี้จะเข้าใจเอง พระพุทธรูปและเทวรูปต่างๆ ที่อยู่ภายในวัดให้เอาบรรจุไว้ในพระอุโบสถเจดีย์ โดยพระพุทธรูปให้บรรจุไว้ด้านบนเจดีย์ ส่วนเทวรูปต่างๆ ให้บรรจุไว้ตามซุ้มประตูโบสถ์ ส่วนทองคำจะให้นำไปหล่อพระเมื่อใดนั้น จะแจ้งให้ทราบภายหลัง

 

จากนั้นบุญส่ง, บุญเหลือ, ธนกฤต, บัณดิษฐ์, ณัฐพัชร์ และบุณยศักดิ์ จึงได้ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินเอาไปซุกซ่อนไว้นอกวัด ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยรักษาการเจ้าอาวาสจึงได้ร่วมกันตรวจสอบกุฏิของอดีตพระวุฒิมา แต่ผลการตรวจสอบไม่พบทองคำจำนวนดังกล่าว จึงได้สอบถามอดีตพระวุฒิมาอีกครั้งว่านำทองคำไปซุกซ่อนไว้ที่ใด อดีตพระวุฒิมาให้การว่าตนได้สั่งการให้บัณดิษฐ์เป็นคนเก็บรักษาทองคำ โดยเป็นผู้ถือกุญแจกุฏิ 

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ไปสอบถาม บัณดิษฐ์จึงให้การว่าได้นำทองคำจำนวนดังกล่าวมอบให้บุณยศักดิ์ ซึ่งเป็นคนขับรถของอดีตพระคมนำไปเก็บรักษาไว้ และได้ทราบว่านอกจากทองคำจำนวนดังกล่าว ยังมีทรัพย์สินอื่นของวัดอีกเป็นจำนวนมากที่อดีตพระคมได้สั่งการให้บุญส่ง บุญเหลือ และบัณดิษฐ์ ไปเก็บทรัพย์สินของวัดป่าธรรมคีรี ทั้งเงินสดและทองคำที่อยู่ในห้องทำงานของอดีตพระคมและอดีตพระวุฒิมาบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางไว้ แจ้งให้นำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด หลังจากทราบความจริงแล้วจึงติดตามให้บุณยศักดิ์ขับรถตู้คันข้างต้นกลับมาที่วัด เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามจึงได้ร่วมกันตรวจค้นรถตู้ พบทองคำแท่งน้ำหนัก 300 บาท เงินสด 76,051,522 บาท และสิ่งของหรือทรัพย์สินอื่นอีกจำนวน 878 รายการ 

 

บุณยศักดิ์รับว่าสิ่งของหรือทรัพย์สินดังกล่าว ตนได้ร่วมกันกับบัณดิษฐ์กับพวกช่วยกันขนย้ายออกจากกุฏิของอดีตพระวุฒิมา และออกจากศาลาจุลานนท์ วัดป่าธรรมคีรี โดยตนทำหน้าที่ขับรถตู้และบรรทุกสิ่งของหรือทรัพย์สินตามรายการดังกล่าวข้างต้นออกไปจากวัดจริง

 

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา / พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 86 มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 357 

 

เหตุเกิดที่วัดป่าธรรมคีรี ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และที่กองบังคับการปราบปราม แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลายท้องที่เกี่ยวพันกัน 

 

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาที่ 1, 3, 4, 5 ให้การรับสารภาพ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2, 6 ให้การปฏิเสธ

 

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาคดีนี้มีพฤติการณ์กระทำความผิดเป็นขบวนการ สร้างศรัทธาให้คนทั่วไปหลงเชื่อ เกิดความศรัทธา ได้บริจาคเงินจำนวนมากเข้าบัญชีเงินฝากให้กับวัด แต่ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้ความเป็นเจ้าอาวาสร่วมกันเบียดบังเอาเงินบริจาคในบัญชีของทางวัดเป็นของตนโดยทุจริต สร้างความเสื่อมเสียกับพุทธศาสนา เกรงว่าจะหลบหนี อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเจ้าอาวาสที่รักษาการเจ้าอาวาสคนปัจจุบันปิดล็อกและประกาศห้ามเข้าไปภายในห้องประจำตำแหน่งเจ้าอาวาส เพื่อรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบ 

 

แต่ในระหว่างที่คมถูกควบคุมตัวระหว่างการสอบสวน ได้มีการยืมโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบเวรโทรศัพท์ไปสั่งการให้ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ร่วมกันเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของวัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่วัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจยึดไว้เป็นพยานหลักฐาน นำออกจากห้องประจำตำแหน่งของอดีตเจ้าอาวาส นำไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทำให้เกิดผลกระทบในทางที่เสียหายต่อการสอบสวนดำเนินคดี

 

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขังได้ ภายหลังผู้ต้องหาที่ 2 และ 4 ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว

 

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าความผิดที่ผู้ต้องหาที่ 2 ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะกระทำความผิดร่วมกับพระภิกษุในขณะครองสมณเพศอันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน 

 

พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ทั้งมีการตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดและทองคำมูลค่าเป็นจำนวนมาก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 2 อาจหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงยังไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 2 ในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง

 

ในส่วนผู้ต้องหาที่ 4 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าความผิดที่ผู้ต้องหาที่ 4 ถูกกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิด โดยผู้ต้องหาที่ 4 กระทำความผิดในขณะที่ครองสมณเพศอันเป็นที่เคารพและเชื่อถือศรัทธาของประชาชน 

 

พฤติการณ์เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างร้ายแรง ทั้งมีการตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดและทองคำมูลค่าจำนวนมาก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 4 น่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงยังไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาที่ 4 ระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising