เป็นอีกวาระหนึ่งที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งติดภารกิจในการเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 2-4 ตุลาคมนี้ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม มีการแถลงผลการประชุม ซึ่งมีรายละเอียดมติคณะรัฐมนตรีที่น่าสนใจดังนี้
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กำหนดให้สถานศึกษาสอนเรื่องเพศถูกวิธี ให้แม่วัยใสเรียนจนจบภาคบังคับ
ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ สถานศึกษาต้องจัดให้มีการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับช่วงวัย และต้องมีการติดตามประเมินผลโดยให้เป็นส่วนหนึ่งของการวัดผล
และกำหนดให้สถานศึกษาจัดการศึกษาให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ตั้งครรภ์โดยต้องให้นักเรียนหรือนักศึกษาที่ตั้งครรภ์ได้เรียนจนจบหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับ หรือการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยืดหยุ่นในวิธีการจัดการเรียนรู้ หลีกเลี่ยงการลงโทษและไม่ตำหนิ กรณีนักเรียนหรือนักศึกษาประสงค์จะหยุดพักการเรียนในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดเพื่อดูแลบุตร สถานศึกษาต้องอนุญาตและให้นักเรียนหรือนักศึกษามีสิทธิ์ในการศึกษาต่อ
อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษี 2 เท่า จากการบริจาคเงินเข้ากองทุนยุติธรรม ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นภาษีเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้แก่กองทุนยุติธรรม ทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและบริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินให้กองทุนยุติธรรม โดยสามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าของรายจ่ายที่บริจาค
สำหรับกองทุนยุติธรรมนั้น เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับใช้จ่ายเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี การขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน และการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ยากไร้ ด้อยโอกาส ให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน สำหรับบุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนนั้น สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้สองเท่าของจำนวนที่บริจาค
เห็นชอบหน่วยงานรัฐเปิดข้อมูลข่าวสาร การจัดหาพัสดุ-การใช้งบฯ เพื่อมาตรฐานความโปร่งใส อย่างเคร่งครัด
ครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) รายงาน กรณีที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการมีประกาศเรื่องกำหนดให้ข้อมูลข่าวสารตามเกณฑ์มาตรฐานความโปร่งใสและตัวชี้วัดความโปร่งใสของหน่วยงานของรัฐเป็นข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (8) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 คือ ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่จัดหาพัสดุ ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาพัสดุ และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ให้บริการประชาชนต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการให้บริการประชาชน รวมทั้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารงานของหน่วยงาน ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณของหน่วยงาน ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของหน่วยงาน ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงาน
ซึ่งการดำเนินการตามข้อ 1-6 ได้จัดให้มีข้อมูลข่าวสารและดัชนีสำหรับการสืบค้น ทั้งในรูปแบบหนังสือ เอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้ตามหน่วยงานของรัฐ ตามประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู เมื่อ 24 ก.พ.2541 และให้มีช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของแต่ละหน่วยงานตามความเหมาะสมโดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีประกาศฉบับดังกล่าว
อนุมัติร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติใหม่ เน้นปรับปรุงให้ทันสถานการณ์ปัจจุบัน
ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะเป็นการแก้ไข พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ปี 2535 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน
สำหรับสาระสำคัญ ให้ขยายขอบเขตการใช้บังคับไปถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เขตไหล่ทวีป และทะเลหลวงที่ประเทศไทยมีสิทธิ์และหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดให้มีคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นคณะกรรมการกำหนดนโยบายและวางแผนการจัดการสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการกองทุน คณะกรรมการควบคุมมลพิษ และคณะกรรมการอื่นที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เพิ่มเติมหลักการในการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงบทบัญญัติในการจดทะเบียนบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แต่งตั้ง ‘โชค บูลกุล’ เป็นประธานบอร์ดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร – เด้ง อธิบดีกรมป่าไม้ มาสำนักนายกฯ
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีการพิจารณาแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร รวม 9 คน ซึ่งปรากฏรายชื่อ นายโชค บูลกุล นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของฟาร์มโชคชัย เป็นประธานกรรมการ
ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรับโอน นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ (นักบริหารระดับสูง) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีด้วย