เมื่อวานนี้ (17 มีนาคม) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Moderna Therapeutics ได้เริ่มทำการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในมนุษย์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา โดยฉีดให้กับอาสาสมัคร 4 คนแรกที่ศูนย์วิจัย Kaiser Permanente ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
โดยวัคซีนทดลองดังกล่าวมีชื่อว่า mRNA-1273 ที่มีข้อมูลทางพันธุกรรมของ mRNA ที่ถูกคัดลอกมาจากบริเวณส่วนหนามของไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อนำมาใช้กระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์สร้างแอนติบอดีต่อสิ่งแปลกปลอมดังกล่าว แทนการผลิตวัคซีนจากเชื้อไวรัสจริง ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
การทดสอบในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาราว 6 สัปดาห์ อาสาสมัครทั้งหมดจะถูกฉีดวัคซีนเข้าสู่กล้ามเนื้อต้นแขน 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันนาน 28 วัน เพื่อเก็บข้อมูลและสังเกตอาการอย่างละเอียด หากการทดสอบประสบความสำเร็จ วัคซีนมีความปลอดภัยและสามารถใช้กับคนทั่วไปได้ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 12-18 เดือนในการผลิตให้เพียงพอต่อจำนวนประชากรจำนวนมาก
โดย เจนนิเฟอร์ ฮัลเลอร์ อาสาสมัครวัย 43 ปีจากเมืองซีแอตเทิล ผู้รับวัคซีน mRNA-1273 เป็นคนแรกเผยว่า นี่เป็นโอกาสที่น่าทึ่งมากสำหรับตัวเธอเองที่จะได้เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักนอกจีนแผ่นดินใหญ่
ภาพ: Craig F. Walker / The Boston Globe via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: