สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักร (UKHSA) ประกาศให้ BA.2 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องสอบสวน (Variant Under Investigation: VUI) เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากพบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่ยังไม่ทราบคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในภาพรวมของสหราชอาณาจักรยังคงเป็นสายพันธุ์ BA.1 ที่ระบาดเป็นหลัก
โควิดสายพันธุ์โอมิครอน (B.1.1.529) ที่กำลังระบาดทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ UKHSA จัดให้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องสอบสวนในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ก่อนที่จะยกระดับเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern: VOC) เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 ตามองค์การอนามัยโลก หลังจากพบว่าแพร่กระจายเร็วกว่าและหลบหลีกภูมิคุ้มกันมากกว่าเดลตา และต่อมาภายหลังพบว่ามีความรุนแรงน้อยกว่า
โอมิครอนแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ย่อย คือ BA.1 และ BA.2 ซึ่งมีการกลายพันธุ์หลายตำแหน่งที่ไม่เหมือนกัน แต่ตำแหน่งหนึ่งที่ต่างกันจนทำให้มีผลการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ต่างกันคือ 69-70del (การขาดหายไปของกรดอะมิโนตำแหน่งที่ 69-70) บนโปรตีนหนาม ซึ่งจะทำให้ตรวจไม่พบยีน S (S-Gene Target Failure: SGTF) และใช้เป็นเกณฑ์แยกจากสายพันธุ์เดลตาเบื้องต้นได้
อัลฟาและโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 ตรวจพบ SGTF ในขณะที่เดลตาและโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2 ยังตรวจพบยีน S ได้ (ไม่พบ SGTF)
ในประเทศที่ไม่พบการระบาดของสายพันธุ์อัลฟาแล้ว จึงใช้ SGTF ในการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอนแทนการตรวจรหัสพันธุกรรมทั้งหมด (Whole Genome Sequencing: WGS) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายและใช้เวลาในการตรวจ การที่สายพันธุ์ BA.2 ตรวจไม่พบ SGTF ทำให้มีข่าวเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ว่าเป็น ‘สายพันธุ์ล่องหน’ (Stealth Variant) เพราะจะถูกจัดเป็นสายพันธุ์อื่นและติดตามการระบาดได้ยาก
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 UKHSA จัดให้สายพันธุ์ BA.2 เป็นสายพันธุ์ที่ต้องสอบสวนแยกออกมาต่างหากจากโอมิครอนเดิม เนื่องจากพบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้เพิ่มขึ้นทั้งภายในประเทศ (426 ตัวอย่าง) และต่างประเทศ เช่น เดนมาร์ก (6,411 ตัวอย่าง) อินเดีย (530 ตัวอย่าง) สวีเดน (181 ตัวอย่าง) และสิงคโปร์ (127 ตัวอย่าง) แต่ยังไม่ทราบคุณสมบัติอื่นๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา
“ไวรัสมีวิวัฒนาการและกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ จึงคาดการณ์ได้ว่าเราจะเห็นสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การระบาดระดับโลกยังคงดำเนินอยู่” ดร.มีรา จาน ผู้อำนวยการสถานการณ์โควิด-19 ของ UKHSA กล่าว “ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปว่าสายพันธุ์ BA.2 ทำให้เกิดโรครุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 แต่ข้อมูลยังจำกัดและ UKHSA กำลังสอบสวนเพิ่มเติม”
ขณะที่สถานการณ์การระบาดในสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มลดลง และกำลังจะผ่อนคลายมาตรการ ยกเลิกการบังคับสวมหน้ากากในสถานที่สาธารณะและการทำงานที่บ้านในสัปดาห์นี้ ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวว่า “ในขณะที่เรากำลังกลับมาใช้แผน A อย่างระมัดระวัง ผมแนะนำให้คุณและคนที่คุณรักได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุดและเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว”
ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
อ้างอิง:
- COVID-19 variants identified in the UK https://www.gov.uk/government/news/covid-19-variants-identified-in-the-uk
- Methods for the detection and characterisation of SARS-CoV-2 variants – first update https://www.ecdc.europa.eu/en/publications-data/methods-detection-and-characterisation-sars-cov-2-variants-first-update
- ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี https://www.facebook.com/787530131354769/posts/4573837529390658/
- Scientists find ‘stealth’ version of Omicron that may be harder to track https://www.theguardian.com/world/2021/dec/07/scientists-find-stealth-version-of-omicron-not-identifiable-with-pcr-test-covid-variant
- Variants https://outbreak.info/