ในช่วงที่ประชาชนต้องเก็บตัวอยู่บ้านท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของโรงภาพยนตร์ในโซนเอเชียแปซิฟิกลดลงถึง 85% ในสองเดือนแรกของปี 2020 ผลมาจากการปิดโรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า ความเชื่อมั่นของผู้ชม และการเลื่อนกำหนดเข้าฉายของภาพยนตร์ที่หายไปเกือบครึ่ง
ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดในทวีปเอเชียเริ่มทุเลาลงทั้งในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แต่จากการรายงานของศูนย์เก็บข้อมูล S&P Global Market Intelligence และหน่วยงานที่มีชื่อว่า OpusData ที่ทำการเก็บข้อมูลรายได้ของภาพยนตร์ในทวีปเอเชียของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนักในภูมิภาค
โดยประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ที่รายได้หายไปถึง 96.2% ในช่วงสองเดือนแรกเมื่อเทียบแบบปีต่อปี (2020/2019) เนื่องจากทางการได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์จำนวนกว่า 70,000 แห่งทั่วประเทศ และมีประมาณ 500 แห่งได้กลับมาเปิดในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บวกกับโปรแกรมของภาพยนตร์ทำเงินที่วางแผนเข้าโรงในช่วงตรุษจีนต้องถูกเลื่อนออกไป ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามีภาพยนตร์เพียง 24 เรื่องได้เข้าฉายในประเทศจีนนับตั้งแต่ขึ้นปี 2020
เช่นเดียวกันกับประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน หลังจากที่โรคโควิด-19 เริ่มระบาดอย่างหนักในเดือนกุมภาพันธ์ โดยตัวเลขรายได้ของสองเดือนแรกในแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ที่ 125.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ถึง 41.1% และ 124.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในแดนโสม หรือคิดเป็น 58.7% ลดลงจากปีก่อน และคาดว่าสถานการณ์จะไม่ดีขึ้นเท่าไรในช่วงเดือนมีนาคม ที่ตรงกับช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิของทั้งสองประเทศ โดยประชาชนยังไม่กล้าออกมาชมภาพยนตร์ บวกกับการเลื่อนกำหนดฉายของทั้งภาพยนตร์ท้องถิ่นและต่างประเทศ
นอกจาก 3 ประเทศนี้ที่เป็นแหล่งรายได้หลักนอกทวีป 3 อันดับแรกของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอเมริกา ยังมีอินเดียในอันดับที่ 6 และออสเตรเลียในอันดับที่ 10 โดยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เลื่อนฉาย ได้แก่ No Time To Die, Mulan, Black Widow และอีกมากมาย
ภาพ: Rich Fury / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
