×

เบื้องลึก Copper Buffet จากร้านที่ขาดทุนสะสม ประสบความสำเร็จจนวันนี้ ‘ไม่รับลูกค้าวอล์กอิน’ ถูกจองเต็มทุกสัปดาห์ แม้ราคาเริ่มต้น 1,499 บาท

20.03.2025
  • LOADING...
copper-buffet-success

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่สดใสมากนัก แต่ไม่มีผลต่อการเติบโตของ Copper ร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ จากปีแรกที่เปิดขาดทุนสะสมหนัก วันนี้ประสบความสำเร็จจนไม่รับลูกค้าวอล์กอิน ใครจะกินต้องจองล่วงหน้า แม้ราคาเริ่มต้น 1,499 บาท ไปจนถึง 2,799 บาทก็ตาม 

 

พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ประธานกรรมการบริหารคอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของร้าน Copper Beyond Buffet เกิดมาจากไอเดียของ คุณสมศักดิ์ พินิจศักดิ์กุล ซึ่งเป็นคุณพ่อและยังเป็นเจ้าของคอมมูนิตี้มอลล์ The Sense ปิ่นเกล้า มีความคิดอยากจะทำบุฟเฟต์นานาชาติเป็นธุรกิจครอบครัว 

 

และต้องการแก้ Pain Point ให้ลูกค้าในย่านปิ่นเกล้า ที่ยังไม่มีร้านอาหารบุฟเฟต์พรีเมียมเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค พร้อมกับสร้างแม็กเน็ตให้กับคอมมูนิตี้มอลล์ 

 

เธอยอมรับว่าในปี 2559 ที่เปิดให้บริการร้าน Copper มีลูกค้าอยู่ 6,000-8,000 คนต่อเดือน ราคาในช่วงนั้นแค่หลักร้อยมีเพียง 40 เมนูเท่านั้น ด้วยความที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด ฐานลูกค้ายังน้อย เปิดปีแรกเจอปัญหาขาดทุนสะสมทุกเดือน 

 

แถมอีก 2 ปีต่อมายังมาเจอวิกฤตโควิดซ้ำเติมอีก ช่วงนั้นมองว่า “ยังไม่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะโจทย์ของคุณพ่อมีเป้าหมายต้องการดึงคนเข้ามาใช้บริการใน The Sense ปิ่นเกล้าเท่านั้น” 

 

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจก็ย่อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ด้วยคอนเซปต์ร้านที่เป็นบุฟเฟต์นานาชาติ จึงปรับกลยุทธ์เพิ่มเมนูพรีเมียมใหม่ๆ รวมแล้วมีกว่า 100 รายการ และปรับแพ็กเกจราคาใหม่ เริ่มต้นอยู่ที่ 1,4992,799 บาทต่อคน ควบคู่กับขยายพื้นที่ 400 ที่นั่ง พร้อมทุ่มงบทำการตลาดอย่างหนักและมียูทูเบอร์เข้ามาช่วยรีวิว

 

ใช้เวลากว่า 2 ปี ฐานลูกค้าค่อยๆ เพิ่มจากหลักพันเป็นหลักหมื่นต่อเดือน ทำให้เรามี Economies of Scale สามารถบริหารต้นทุนวัตถุดิบได้ดีขึ้น และเริ่มพลิกกลับมาทำกำไรได้ จากนั้นเริ่มจับมือกับพาร์ตเนอร์ Hungry Hub แพลตฟอร์มจองร้านอาหารในไทยเข้ามาช่วยเรื่องระบบจองคิว โดยร้านจะไม่รับวอล์กอิน ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นเพื่อความสะดวกในการบริการ 

 

เรียกว่าประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2567 จึงได้ขยายสาขา 2 ไปในศูนย์ การค้าเกษรอัมรินทร์ ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมือง ผู้คนหนาแน่นและส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง หลังเปิดให้บริการมาแล้ว 1 ปี พบว่ากระแสตอบรับดีมีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยสาขานี้ราคาจะสูงกว่าสาขา The Sense ปิ่นเกล้า เพราะไลน์เมนูอาหาร จะต่างกันเล็กน้อย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,999 บาท 

 

รวมๆ แล้วทั้งปีมีลูกค้ารวมกว่า 4 แสนคน ทำรายได้รวมกัน 2 สาขา 800 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนจากสาขาเกษรอัมรินทร์ 65% และ The Sense ปิ่นเกล้า 35% มีอัตราการจอง (Occupancy Rate) อยู่ที่ 70% เรามีเป้าหมายอยากให้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท และอยากมีลูกค้า 5 แสนคนภายในปีนี้

 

นอกจากนี้ยังได้แตกแบรนด์น้องใหม่ ภายใต้แบรนด์ก๋วยเตี๋ยวเรือ Copper ซึ่งต้องรอดูว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ถ้าสำเร็จก็มีโอกาสจะขยายไปเจาะตลาดต่างประเทศ 

 

พจนีย์กล่าวต่อไปว่า เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นก็ย่อมมีรายใหญ่สนใจเข้ามาช่วยกันขยายธุรกิจ แต่เรามองว่าการจะเข้าไปอยู่ในองค์กรใหญ่ ยังไม่ถึงเวลาและยังอยากรักษาให้เป็นธุรกิจครอบครัวอยู่

 

พร้อมกันนี้ในโอกาสครบรอบ 9 ปี เราต้องการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในวงการบุฟเฟต์ จึงได้ Collaboration กับสองแบรนด์ดังชื่อดังอย่าง สก๊อตรังนก และชาตรามือ ทำเมนูใหม่ๆ ด้วยฐานลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยให้ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ได้

 

และได้นำสองเชฟมิชลินอย่าง เชฟไฮเคิล โจฮาริ เชฟมิชลิน 1 ดาว จากร้าน AVANT และ เชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เชฟมิชลิน 1 ดาว จากร้าน CODA Bangkok มาร่วม พัฒนาเมนู 20 เมนู เพิ่มความหลากหลายให้ผู้บริโภค 

 

ส่วนการขยายสาขาในปีนี้ยังไม่อยู่แผน แต่ไม่ได้ปิดกั้น โดยการจะเปิดสาขาที่ 3 ได้ต้องพิจารณาหลายส่วนประกอบกัน ทั้งพื้นที่ ทราฟฟิก และกำลังซื้อของผู้บริโภคในย่านนั้นๆ ที่สำคัญจะต้องมีคนไทยและต่างชาติอาศัยอยู่ด้วย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising