ยังคงไร้วี่แววคลี่คลายความตึงเครียดในวิกฤตยูเครน ที่ล่าสุด เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย กับประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกของเบลารุส เห็นชอบที่จะขยายระยะเวลาร่วมซ้อมรบบริเวณชายแดนที่ติดกับฝั่งยูเครนออกไป โดยตามกำหนดการเดิม การซ้อมรบร่วมจะต้องสิ้นสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ร่วมของรัสเซียกับเบลารุส ยังได้อ้างเหตุผลถึงสถานการณ์ในฝั่งตะวันออกของยูเครนท ที่ทำให้รัสเซียจำเป็นต้องคงกองทัพจำนวน 30,000 นายไว้ในเบลารุสต่อไป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว กลายเป็นการตอกย้ำความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียมีแผนบุกยูเครน ขณะที่บรรดาผู้นำในชาติตะวันต่างออกโรงประณามความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ว่ารัสเซียกำลังพยายามแสวงหาข้ออ้างเพื่อจัดการส่งกองทัพเข้าไปในยูเครนได้อย่างชอบธรรม
ด้าน ซาราห์ เรนส์ฟอร์ด (Sarah Rainsford) ผู้สื่อข่าวยุโรปตะวันออกของ BBC กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวโดยกระทรวงกลาโหมเบลารุส เป็นอีกสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัสเซียไม่พร้อมที่จะถอยกลับในการยืนหยัดกับประเทศตะวันตกกรณียูเครน
ในส่วนของการยกหูต่อสายตรงพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กับประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซียยืนยันชัดเจนว่าในท้ายที่สุดแล้ว กองทัพของรัสเซียย่อมต้องออกไปจากเบลารุสในทันทีที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น พร้อมออกโรงตำหนิกองทัพยูเครนที่ทำให้สถานการณ์ในดอนบัส เมืองพรมแดนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย
ด้านผู้นำฝรั่งเศสเผยว่า ทั้งสองฝ่ายหารือและเห็นชอบร่วมกันเพื่อให้ยุติการยิงและการใช้อาวุธในบริเวณเส้นแบ่งพรมแดน
ขณะที่ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ได้ออกมาเตือนแกมขู่กับทางรัสเซียว่า มีสิทธิ์ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ครอบคลุมถึงการจำกัดการเข้าถึงตลาดการเงินและสินค้าเทคโนโลยีระดับสูง โดยคำเตือนครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายบริหารของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้ร่วมกับสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และแคนาดา ในการปรับปรุง “มาตรการที่แข็งแกร่งและครอบคลุม” ด้านการคว่ำบาตรทางการเงินที่อาจต้องบังคับใช้กับรัสเซีย
ฟอน เดอร์ เลเยน ระบุอย่างชัดเจนว่า ในทันทีที่รัสเซียบุกยูเครน พันธมิตรชาติตะวันตกจะจำกัดการเข้าถึงตลาดเงินของรัสเซีย และมีข้อกำหนดควบคุมการส่งออกในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียให้ทันสมัย และกระจายความเสี่ยงต่างๆ ก่อนย้ำว่า ชาติตะวันตกมีสินค้าเทคโนโลยีระดับสูงมากมายที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับรัสเซีย และไม่สามารถหาทดแทนได้โดยง่าย ดังนั้นชาติตะวันตกจึงมั่นใจว่ามาตรการคว่ำบาตรฉบับล่าสุดนี้ หากมีผลบังคับใช้จริง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียโดยตรง
ภายหลังจากที่ ฟอน เดอร์ เลเยน ออกมาเปิดเผยเพียงไม่นาน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษก็ออกมาขานรับ พร้อมระบุชัดว่ารัฐบาลอังกฤษให้ความร่วมมือกับ EU อย่างใกล้ชิดหากจำเป็นต้องคว่ำบาตรรัสเซีย
ผู้นำอังกฤษกล่าวระหว่างเดินทางเยือนมิวนิกในเยอรมนีว่า หากรัสเซียรุกรานเพื่อนบ้าน พันธมิตรชาติตะวันตกจะลงโทษบุคคลและบริษัทสัญชาติรัสเซียที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อประเทศรัสเซีย รวมถึงขัดขวางไม่ให้บริษัทและบุคคลเหล่านี้ระดมทุนผ่านตลาดทุนของกรุงลอนดอนได้ พร้อมยืนกรานว่า พันธมิตรชาติตะวันตกจะมุ่งไปยังบริษัทที่รัสเซียเป็นเจ้าของ ซึ่งมักจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด
จนถึงขณะนี้ บรรดาผู้นำในชาติตะวันตกยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า เงื่อนไขพฤติกรรมใดของรัสเซียจะมีผลทำให้ต้องใช้มาตรการคว่ำบาตร โดยเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสรายหนึ่งระบุว่า บรรดาผู้นำตั้งเป้าจะประกาศคว่ำบาตรทันทีที่รัสเซียบุกเข้ายึด หรือรุกล้ำดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลกรุงเคียฟ
ด้าน อันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีออกมาเตือนว่า ไม่ควรใช้การคาดเดาหรือสันนิษฐานเกี่ยวกับการตัดสินใจของรัสเซียในกรณีเกี่ยวกับยูเครน หลังจากที่สหรัฐฯ ย้ำว่ารัสเซียอาจบุกโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ โดยชาติตะวันตกได้เตรียมพร้อมรับกับทุกๆ สถานการณ์ ขณะที่รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ พบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน นอกรอบการประชุมความมั่นคงที่เมืองมิวนิกประเทศเยอรมนี โดยรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯ มีต่อการปกป้องอำนาจอธิปไตยและดินแดนของยูเครน และหากเป็นไปได้ สหรัฐฯ ก็หวังใช้แนวทางสันติวิธีอย่างการเจรจาเพื่อยุติปัญหา
วันเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้จัดประชุมร่วมกับคณะมนตรีความมั่งคงแห่งชาติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 กุมภาพันธ์) หลังจากที่สถานการณ์ความมั่งคงในยูเครนทวีความตึงเครียดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางโฆษกทำเนียบขาวได้ออกมาเปิดเผยว่า การหารือดังกล่าวมีขึ้นตามปกติ เพื่ออัปเดตความคืบหน้าของสถานการณ์บนภาคพื้นดินของยูเครน
อ้างอิง: