×

KEY SUCCESS: Complacency is my mistake

02.04.2024
  • LOADING...
Complacency is my mistake

โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล มีหลากหลายประเด็นที่ถูกพูดถึง อาทิ การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งสุดท้ายของตำนานอย่าง ยูเซน โบลต์ และ ไมเคิล เฟลป์ส สองตำนานของมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในประเภทมาราธอนเหรียญแรกของ เอเลียด คิปโชเก

 

แต่สิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์มากที่สุดในปีนั้นกลายเป็น โจเซฟ สคูลลิง นักกีฬาว่ายน้ำจากสิงคโปร์ ที่ว่ายเข้าแตะขอบสระได้เร็วกว่า ไมเคิล เฟลป์ส นักว่ายน้ำระดับตำนานจากสหรัฐฯ ในท่าผีเสื้อ 100 เมตรชายรอบชิงชนะเลิศ

 

ในวันนั้นนอกจากจะเป็นเหรียญทองแรกในโอลิมปิกของตัวเขาเองแล้ว ยังเป็นเหรียญทองแรกและเหรียญทองเดียวของสิงคโปร์ในการแข่งขันระดับโอลิมปิกอีกด้วย

 

แน่นอนว่าสถานะเจ้าของเหรียญทองแรกของประเทศทำให้สคูลลิงได้รับการต้อนรับกลับประเทศอย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่สื่อต่างประเทศทั่วโลกยกย่องเขาในสถานะคนที่ล้ม ไมเคิล เฟลป์ส ตำนานนักกีฬาว่ายน้ำที่เป็นคนที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 23 เหรียญอีกด้วย

 

“การบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ล้นหลามในตอนนั้นเป็นคำพูดที่ยังน้อยเกินไป มันเป็นโลกที่แตกต่างออกไปเลย” โจเซฟ สคูลลิง ให้สัมภาษณ์ถึงวินาทีที่ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาลจากการคว้าความสำเร็จในวัย 21 ปี 

 

“มีองค์ประกอบสองอย่างที่เปลี่ยนไปในตัวผม มีด้านของเคมี คุณรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกยอดเยี่ยมจากความสุขที่เกิดขึ้น

 

“นักกีฬาทุกคนต่างเป็นคนที่มีนิสัยของการเสพติดความสำเร็จ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณยกระดับขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ ดังนั้นคุณก็จะไล่ล่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นจากความสำเร็จ

 

“แต่เหมือนกับชีวิต บางครั้งทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามแผน

 

“องค์ประกอบอย่างที่สองคือความรู้สึกเติมเต็ม คุณคุ้นเคยกับการทำงานด้วยพลังระดับสูงที่ต้องพร้อมจะลุยตลอดเวลา

 

“แต่เมื่อคุณเอาปลาออกจากน้ำจะเกิดอะไรขึ้น? เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณไม่มีจุดที่คุณสามารถโฟกัสพลังความมุ่งมั่นและความรู้สึกที่เติมเต็ม ทุกอย่างก็พังลงได้อย่างรวดเร็ว

 

“ผมคิดว่าผมสูญเสียความมุ่งมั่นไปในปีแรกหลังได้เหรียญทองโอลิมปิก ปีต่อมาผมก็พยายามจะกลับมา ปีที่สามผมก็คิดมากเกินไป

 

“ซึ่งความผิดพลาดของผมคือความชะล่าใจที่คิดว่าความสำเร็จนี้จะคงอยู่ตลอดไป เพราะผมนำคนอื่นไปไกลมาก

 

“ตอนนั้นคนอายุ 21 ปีหลายคนคงไม่เข้าใจ บวกกับอีโก้ รวมถึงความถือตัว และผมมองตัวเองว่าจะไม่มีวันแพ้ใคร

 

“นั่นคือสูตรสำเร็จของความชะล่าใจ ดังนั้นคือบทเรียนสำคัญที่ผมเรียนรู้ และนั่นคือสิ่งที่ผมจะพกติดตัวไปด้วยในบทบาทต่อไปของชีวิตผม

 

“ผมมั่นใจมากเกินไป คิดว่าตัวเองมีสิทธิอันชอบธรรมกับความสำเร็จ ผมคิดว่าผมไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป เพราะผมไปถึงระดับสูงสุดแล้ว

 

“มองกลับไปผมมองว่าการคิดว่าตัวเองมีสิทธิอันชอบธรรมกับความสำเร็จเป็นปัจจัยหลัก”

 

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นของสคูลลิงในวัย 21 ปีเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ตามมาด้วยเหรียญทองเอเชียนเกมส์อีก 2 เหรียญ และเหรียญทองซีเกมส์อีก 29 เหรียญ

 

แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดอีกเลย และได้ตัดสินใจเกษียณด้วยอายุเพียง 28 ปี สคูลลิงพบเจอกับความสงบทางจิตใจจาก เอ็ดดี รีส โค้ชสมัยมหาวิทยาลัยของเขาที่โทรหาพ่อของสคูลลิงในช่วงที่ฟอร์มของเขากำลังตกต่ำลง และพูดว่า

 

“จุดประสงค์ของโจเซฟในโลกนี้คือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นคือการตัดสินใจของเขาเอง แต่เหตุผลหลักเพียงเหตุผลเดียวที่เขาเกิดมาคือเพื่อเหรียญทองนั้น

 

“ดังนั้นคุณกำลังคิดถึงก้าวต่อไปอีกหลายก้าว แต่เราได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่คุณโทษเด็กเขาได้ไหมว่าปลดปล่อยตัวเองและผ่อนแรงลงบ้างหลังจากประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยอายุเพียง 21 ปี?”

 

นอกจากฟอร์มที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง สคูลลิงพบเจอกับปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเขาออกมาเปิดเผยเมื่อปี 2022 ว่าเขาเคยเสพกัญชาที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศสิงคโปร์

 

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสำหรับตัวเขาแล้ว สคูลลิงมองว่านักกีฬามีหน้าที่เป็นต้นแบบให้กับเยาวชน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกอับอายและเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก

 

สคูลลิงยอมรับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาก็คือบทเรียน ทั้งชัยชนะ ทั้งความล้มเหลว ต่างก็เป็นสิ่งที่สร้างเขาให้เป็นคนที่มีความเข้มแข็งจนถึงวันนี้

 

ทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวไปสู่บทบาทต่อไปในชีวิตที่เขาเปิดเผยว่าจะเป็นนักกอล์ฟ และนักลงทุนในธุรกิจด้านสุขภาพ และ Well-being

 

แต่สิ่งหนึ่งที่เขาจะยังคงเป็นอยู่ตลอดไปก็คือนักกีฬาสิงคโปร์คนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกมาครองได้ และเป็นคนที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนสิงคโปร์ในการลุกขึ้นมาเป็นนักกีฬา และกล้าที่จะฝันไปถึงโอลิมปิก

 

“คนอยากเป็นนักกีฬา” สคูลลิงกล่าวถึงสิ่งที่เขาจำได้จากวันนั้น

 

“หรือบางคนก็ฝันที่อยากไปโอลิมปิกสักวันหนึ่ง หรือเริ่มต้นเล่นกีฬา

 

“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ผมได้เห็นคนมองมายังตัวผม และคิดว่า โอเคคนนี้ คนที่มีปัญหากระดูกสันหลังที่ผิดรูป เขาไปถึงรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิก เขาเอาชนะนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเขาทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้?”

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X