วันนี้ (14 ตุลาคม) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร มีการจัดงานรำลึก 48 ปี เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทางการเมือง ‘14 ตุลา 2516’ ประจำปี 2564 โดยบรรยากาศช่วงเช้ามีพิธีตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 14 รูป บริเวณด้านหน้าอนุสรณ์สถานฯ พร้อมจัดพิธีกรรม 3 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม
จากนั้นเวลา 09.00 น. มีพิธีวางพวงมาลาและกล่าวรำลึกเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 โดยมี อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรี วางพวงมาลาและกล่าวสดุดี โดยระบุว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการปกครองที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุด ในนามนายกรัฐมนตรีขอไว้อาลัยและขอสรรเสริญอุดมการณ์อันมั่นคงและวีรกรรมในเหตุการณ์วันนั้นย่อมเป็นภาพที่ชัดเจนอยู่ในจิตใจของประชาชน พร้อมขอให้ประชาชนร่วมกันสร้างสรรค์ประชาธิปไตยที่ดีงามต่อไป
ขณะที่ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวสดุดีแทนผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุว่า จากวันนั้นถึงวันนี้เผด็จการยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป ก่อนจะนำผู้ร่วมงานยืนสงบนิ่ง เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 14 ตุลา และเป่าเมาท์ออร์แกนเพลง เพื่อมวลชน เรียกร้องรัฐบาลให้หยุดทำร้ายประชาชน ก่อนจะให้ตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา”
ทั้งนี้ ในงานมีตัวแทนจากพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ญาติของผู้เสียชีวิต ทยอยเดินทางมาวางพวงมาลารำลึกตั้งแต่เช้า อาทิ พรรณิการ์ วานิช ตัวแทนกลุ่มก้าวหน้า, ณัฐวุฒิ บัวประทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรคก้าวไกล, ราเมศ รัตนะเชวง ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย, ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย และตัวแทนของ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา
โดยระหว่างที่นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำลังกล่าวสดุดีเพื่อรำลึกถึงวีรชน ทางกลุ่มเสรีธรรมศาสตร์ ป๋วยก้าวหน้า และแสงโดม ได้ยกลำโพงเข้าไปในงาน พร้อมกล่าวตอบโต้แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำขององค์การนักศึกษาที่เคยออกแถลงการณ์ห้ามไม่ให้จัดงานรำลึก 45 ปี 6 ตุลา 2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แต่กลับมากล่าวรำลึกถึงวีรชนในงาน 14 ตุลา โดยไม่มีการตั้งคำถามถึงการกระทำของรัฐบาลต่อพี่น้องประชาชน ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นเล็กน้อย พร้อมเรียกร้องให้นายกองค์การนักศึกษาทบทวนพฤติกรรมของตนเองและลาออกจากตำแหน่งทันที
สำหรับการรำลึกถึงวีรชนที่ต่อสู้ในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายใต้บริบททางการเมืองที่เปลี่ยนไปทั้งในห้วงเผด็จการและประชาธิปไตย
หากเรามองย้อนกลับไปในกงล้อประวัติศาสตร์ น่าเสียดายอย่างยิ่งที่วันเวลาแห่งการผลิดอกออกผลของประชาธิปไตยในขวบปีที่ 2516 นั้นกลับไม่ได้เบ่งบานได้เนิ่นนานนัก อันเนื่องมาจากการเข้ามายึดอำนาจโดยคณะทหารและชนชั้นนำอยู่บ่อยครั้ง สร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้หน้าการเมืองไทยอย่างที่ไม่อาจลบออก นำมาซึ่งการเสียเลือดเสียเนื้อของประชาชนในอีกหลายวาระ
หากแต่การอุบัติขึ้นของ 14 ตุลา และการเรียกร้องประชาธิปไตยในครั้งต่อๆ มา ก็ยังทำให้เรามีความหวังในการจะยังสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพที่เราพึงมีตั้งแต่แรก และแม้หนทางจะยังยากลำบาก แต่ถึงเวลานี้ประชาชนก็ได้ออกเดินแล้ว และเดินมาไกลมากแล้วด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ถึงเส้นชัยเท่านั้นเอง