การกินข้าวน่าจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างแนบแน่นยาวนานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่แยกจากกันไม่ได้ แต่ถ้าจะลองดูลงไปในรายละเอียด การกินข้าวก็สามารถมองได้ในหลายๆ มิติว่าข้าวที่แต่ละคนเลือกบริโภคนั้นเป็นข้าวสายพันธุ์อะไร เก็บเกี่ยวมานานแค่ไหน ผ่านกระบวนการเก็บรักษาอย่างไร มีคุณค่าทางอาหารแค่ไหน ปลูกที่ไหน ซื้อจากช่องทางใด สารพัดจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่บางครั้งเราคนไทยเองก็มองข้ามความสำคัญของข้าวไป เพราะคิดว่าเป็นของที่อยู่ใกล้ตัว ซึ่งจริงๆ แล้วนวัตกรรมทางด้านข้าวนั้นมีมากมายหลายอย่าง แต่อาจจะอยู่ในแวดวงของการเกษตรและการค้าข้าว ไม่ได้มาถึงผู้บริโภคอย่างเราๆ
มนต์-วัชรา ลี้โกมลชัย ผู้บริหารรุ่นใหม่จากกลุ่มบริษัท CLP ที่อยู่ในธุรกิจเครื่องสีข้าวและเครื่องจักรทางการเกษตร มองเห็นถึงการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมูลค่าให้กับข้าวในฝั่งของผู้บริโภค นั่นก็คือเครื่องขัดข้าวสำหรับใช้ในบ้าน โดยนำเอาเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นที่มีการขายข้าวที่ขัดสดใหม่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นการเปิดผิวของข้าว ทำให้ผู้บริโภคได้รับคุณประโยชน์จากข้าวอย่างเต็มที่ ทำให้ข้าวนุ่มและกินง่ายขึ้นอีกด้วย
ด้วยความที่ทำงานคลุกคลีกับเรื่องข้าวและเกษตรกรมาตลอด มนต์จึงมองเห็นภาพรวมทั้งระบบ ตั้งแต่การเพาะปลูก การเก็บรักษา การขาย และการบริโภคข้าว เธอจึงมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาข้าวของไทยให้มีระบบที่เข้มแข็งเหมือนประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเธอได้มีโอกาสไปติดต่อธุรกิจและศึกษาดูงานอยู่เสมอ และเครื่องขัดข้าว Maiko+ ก็คือผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่เธออยากให้มาเติมเต็มการพัฒนาวงการข้าวของไทยที่ผู้บริโภคจะได้กินข้าวขัดใหม่ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าการบริโภคข้าวที่เก็บไว้นาน รวมถึงยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ท้องถิ่นที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เพราะเมื่อข้าวเหล่านี้ผ่านการขัดด้วยเครื่องขัดข้าวและนำมาบริโภคภายใน 1 สัปดาห์ก็จะมีรสชาติอร่อย กินง่ายขึ้น และยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากกว่าข้าวที่เก็บไว้นานอีกด้วย
“จริงๆ แล้วช่วงเวลาที่ดีในการกินข้าวหลังจากเปิดเปลือกแข็งๆ ออกก็คือ 1 เดือน หลังจากนั้นข้าวก็จะออกซิไดซ์ เราก็ควรที่จะขัดเปลือกอีกรอบก่อนกิน นี่คือที่มาของการที่เราอยากนำเสนอเครื่องขัดข้าวให้ทุกคนสามารถกินข้าวสดใหม่ได้ที่บ้าน มันเหมือนเป็นการตัดกระบวนการสุดท้ายของการทำข้าวไปไว้ที่บ้าน ซึ่งเครื่องขัดข้าวเครื่องนี้ สิ่งที่ใส่เข้าไปคือข้าวกล้องนะคะ ไม่ใช่ข้าวเปลือก ถามว่าทำไมถึงเป็นแค่ข้าวกล้อง เพราะว่าเราคำนึงถึงความสะดวก เนื่องจากข้าวเปลือกหาซื้อไม่ได้ง่ายๆ ไม่ได้มีขายทั่วไป รวมถึงการสีข้าวเปลือกก็ไม่ได้ง่าย มันมีทั้งแกลบ มีรำ มีฝุ่นที่เสี่ยงต่อการแพ้ เราจึงมองว่าถ้าอย่างนั้นก็นำเสนอให้ผู้บริโภคได้ข้าวที่กะเทาะเปลือกไม่เกิน 1 เดือนแล้วนำกลับไปขัดที่บ้าน ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่สิ่งที่ลูกค้าจะได้ก็คือความสดใหม่และความสะดวก”
มนต์เล่าถึงรายละเอียดของเครื่องขัดข้าวที่เธอและทีมงานมุ่งมั่นตั้งใจเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็คือการดื่มกาแฟที่มีคุณภาพย่อมต้องบดกาแฟใหม่ทุกครั้งในการชง การกินข้าวก็เช่นกัน
“ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เครื่องนี้ก็เหมือนเครื่องบดกาแฟ ความต่างของกาแฟที่บดมาแล้ว 1 สัปดาห์กับกาแฟที่เพิ่งบด กลิ่นและรสชาติก็ต่างกัน นี่คือสิ่งที่เครื่องขัดข้าวของเราจะมอบให้เช่นกัน การใช้เครื่องขัดข้าวของเราจะทำให้มิติของการกินข้าวเปลี่ยนไป แล้วอีกอย่างคือประเทศเรามีข้าว 2 หมื่นกว่าสายพันธุ์ แต่เรารู้จักอยู่ไม่กี่สายพันธุ์ บางสายพันธุ์ไม่เป็นที่นิยม เพราะบางคนกินแล้วรู้สึกว่าแข็ง ไม่อร่อย แต่การที่เราเอามาขัดก่อนกิน ข้าวที่เคยแข็งก็จะทำให้เรากินได้ และทำให้เราสนุกกับการกินข้าวมากยิ่งขึ้น
“เรามีการทำวิจัยเพื่อศึกษาว่าการขัดข้าวแต่ละระดับให้สารอาหารแตกต่างกันอย่างไร เครื่องนี้จะตอบโจทย์ให้กับคนที่อยากมีสุขภาพดีและอยากกินข้าวอร่อยด้วย เพราะเมื่อเราขัดผิวนอกของข้าวกล้องออกไปก็จะทำให้ข้าวนิ่มขึ้น กินง่ายขึ้น และได้สารอาหารมากขึ้น เป็นการตอบโจทย์แบบ Total Well Being ไม่ใช่การที่เราบอกตัวเองว่าเรากินอาหารที่มีประโยชน์แต่ไม่อร่อย แล้วเราจะทำไปเพื่ออะไร เพราะคนเราก็อยากมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข นอกจากนี้สิ่งที่จะได้จากเครื่องนี้ที่หาไม่ได้จากที่ไหนก็คือรำสด เพราะเวลาขัดข้าวเราจะได้รำสด แล้วรำก็คือซูเปอร์ฟู้ดที่จะต้องกินภายใน 24 ชั่วโมง สามารถเอามาผสมเครื่องดื่ม ทำสมูทตี้ได้ โรยสลัดได้”
นอกจากเครื่องขัดข้าวที่ผู้บริโภคสามารถซื้อไปใช้เองที่บ้านได้อย่างง่ายๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือแพ็กเกจข้าวที่ทาง CLP Living มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นการนำเอาข้าวสายพันธุ์ต่างๆ มาเบลนด์กันจนเป็นสูตรที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภค ที่สำคัญนอกจากจะได้กินข้าวอร่อยและมีประโยชน์แล้ว คุณยังได้ช่วยสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยและทำให้ตลาดการบริโภคข้าวพันธุ์พื้นเมืองของไทยเข้มแข็งขึ้นด้วย
“เราตั้งใจให้คนไทยได้กินข้าวที่หลากหลายขึ้น ได้กินข้าวที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน เรามีทั้งข้าวสูตรควบคุมน้ำตาล ข้าวสูตรบิวตี้เบลนด์ ก็จะเน้นให้มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์สูง แล้วก็มีสูตรควบคุมน้ำหนัก จะมีไฟเบอร์สูง ทำให้ดูดซึมสารอาหารช้าลง อิ่มนานขึ้น มีสูตรของเด็กที่เพิ่มโอเมกา 6 ก็คือเราพยายามเพิ่มความหลากหลายให้ข้าวมากขึ้น แล้วก็จะส่งผลต่อเกษตรกรที่เราจะส่งเสริมให้เขาปลูกข้าวสายพันธุ์ที่หลากหลาย ไม่ได้ปลูกแต่ข้าวสายพันธุ์เศรษฐกิจ เนื่องจากเราทำเครื่องสีข้าวชุมชนด้วย ก็เลยได้ทำงานกับเกษตรกร เราจึงได้ข้าวอื่นๆ ที่หลากหลาย เช่น ข้าวสังข์หยดจากพัทลุง ข้าวหอมมะลิจากพิจิตร ที่เรารับซื้อในปริมาณที่เกษตรกรสามารถผลิตได้ไหว ไม่เกินตัว ทำให้เกษตรกรไม่ต้องไปกู้เงินเพื่อมาลงทุนทำนาเพิ่มจนมีปัญหาหนี้สินอย่างที่ผ่านมา”
สำหรับคนที่อยากลองชิมข้าวสดใหม่จากเครื่องขัดข้าว สามารถแวะมาชิมได้ที่ร้าน Banana Leaf ทุกสาขา โดยแบรนด์ CLP Living ได้ร่วมมือกับร้าน Banana Leaf ในการนำเครื่องขัดข้าวไปให้ลูกค้าได้ทดลองอย่างใกล้ชิด สามารถกินอาหารที่ร้านพร้อมสั่งข้าวสูตรต่างๆ ที่ขัดสดใหม่ หรือจะซื้อกลับไปหุงที่บ้านภายใน 1 สัปดาห์ก็ได้เช่นกัน โดยในช่วงวันแม่ที่จะถึงนี้ CLP Living ได้จัดเซตของขวัญข้าวขัดสดใหม่สำหรับคุณแม่เพื่อส่งมอบความรักและความห่วงใยให้กับคนที่คุณรัก สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ร้าน Banana Leaf หรือทางเฟซบุ๊ก CLP Living
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์