×

เวลเนสแบรนด์ไทย ชวนคนเมืองรู้จักเทรนด์ Clean Beauty และการสร้างสุขภาพดีแบบองค์รวม

26.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • การให้ความสำคัญเกี่ยวกับความสวยงามที่มาจากพื้นฐานของสุขภาพที่ดีและพอดีในทุกมิติ คือความเชื่อและแนวคิดของ วรวิทย์ ศิริพากย์ ซีอีโอหนุ่มผู้ก่อตั้งแบรนด์ปัญญ์ปุริ ที่เพิ่งเปิดตัว Panpuri Wellness อย่างเต็มรูปแบบไปเมื่อเร็วๆ นี้
  • Clean Beauty เป็นคอนเซปต์ที่ใหม่มากสำหรับคนไทย คือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใส่ส่วนผสมที่มาจากสารเคมี ต้องไม่มีสารพิษ หรือว่าส่วนผสมที่เป็นอันตรายระคายเคืองต่อผิวพรรณ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเราจะได้ยินเป็นเรื่องปกติ

การให้ความสำคัญเรื่องความสวยงามที่มาจากพื้นฐานของสุขภาพร่างกายที่ดีและพอดีในทุกมิติ คือความเชื่อและแนวคิดของ วรวิทย์ ศิริพากย์ ซีอีโอหนุ่มผู้ก่อตั้งแบรนด์ปัญญ์ปุริ ที่เพิ่งเปิดตัว Panpuri Wellness เต็มรูปแบบไปเมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่ทำให้ THE STANDARD สนใจพูดคุยกับเขา ไม่ใช่แค่เรื่องเวลเนสแบรนด์ไทยที่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพดีแบบองค์รวมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาแบรนด์ไปสู่ความเป็น Clean Beauty ที่พิเศษกว่าเทรนด์ Natural Organic ทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย การันตีได้เลยว่าในอนาคตอันใกล้ Clean Beauty จะหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแน่นอน

 

 

ก้าวที่เติบโตของปัญญ์ปุริ
ปัญญ์ปุริก็เปรียบเหมือนกับคนที่เติบโตขึ้นทุกวันนะครับ หลังจากที่เริ่มต้นก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 15 ปีก่อน (ปี 2003) เราเริ่มมาจากแพสชัน ความลุ่มหลงในสิ่งที่เราทำ เราชอบส่วนผสมที่มาจากส่วนผสมหลักในธรรมชาติ เราชอบออร์แกนิกตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว ปัจจุบันความสวยความงามมันเริ่มผสานเข้ากับเรื่องสุขภาพกันแบบแยกไม่ออก เราจึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราอยากจะช่วยให้ผู้บริโภคของเราได้รับความสวยงามที่มีพื้นฐานจากสุขภาพที่ดีให้ได้ ไม่ใช่แต่เพียงว่ามีภาพลักษณ์ที่สวยงามแล้วไม่ยั่งยืน เราจึงมีเป้าหมายในการสร้างผลิตภัณฑ์ดีๆ ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติออร์แกนิก ทั้งสกินแคร์ บอดี้แคร์ เครื่องหอมต่างๆ รวมไปถึงสปา และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งเราเพิ่งเปิดตัว ปัญญ์ปุริเวลเนส (Panpuri Wellness) ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มักเจอปัญหาความเครียด นอนไม่หลับ ความเหนื่อยล้า และมลภาวะต่างๆ ที่ต้องเจอในแต่ละวัน

 

 

สุขภาพดีแบบองค์รวมฉบับปัญญ์ปุริเวลเนสเป็นอย่างไร

ผมคิดว่าการที่คนเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขในทุกมิติเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้าเราให้ความสำคัญกับชีวิตมาก่อน เราจะสามารถเติมเต็มพลังงานชีวิตของเรา เพื่อให้พร้อมรับมือกับการทำงานได้อย่างเต็มที่ ทุกวันนี้เทรนด์การใช้ชีวิตแบบเวลเนสของคนเมืองมีมิติและความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ทั้งโลกต่างให้ความสนใจ เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดี มีชีวิตที่สมดุล และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เราเน้นส่งเสริมแนวคิดการดูแลตัวเองเพื่อการกินดีอยู่ดี ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการจากธรรมชาติ รวมถึงให้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเวลเนสได้อย่างแท้จริง

 

ที่นี่มีบริการออร์แกนิกสปา การแช่บ่อน้ำแร่ต้นตำรับออนเซนของญี่ปุ่นใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองเลย เรามีแบบบ่อรวม (Public Onsen) และบ่อส่วนตัว (Private Onsen) บ่อน้ำแร่ออนเซนของปัญญ์ปุริเวลเนสออกแบบให้เป็นอินฟินิตี้พูล เป็นบ่อยาวต่อกัน 5 บ่อแบบไร้รอยต่อ จะมีบ่อซิกเนเจอร์ที่นำน้ำแร่ออนเซนมาจากเมืองคุซัทสึ (Kusatsu) ด้วย และเรามีส่วนที่เป็น Food & Beverage ที่เป็นออร์แกนิกจริงๆ และจัดให้มีสตูดิโอเล็กๆ ของเราด้วย เอาไว้ให้ลูกค้าใช้ทำกิจกรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมโยคะ พิลาทิส นั่งสมาธิ เราตั้งใจเลือกสถานที่นี้เพราะอยากให้มันอยู่ใจกลางเมืองหลวง เพราะเรารู้สึกว่ามันจะต้องเป็นสถานที่ที่ไปง่าย เพราะตัวผมเองก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ผมเข้าใจชีวิตคนเมืองเหมือนกัน  

 

 

Clean Beauty เป้าหมายสุดท้าทายของปัญญ์ปุริ

Clean Beauty ผมว่าเป็นคอนเซปต์ที่ใหม่มากสำหรับคนไทย แต่เมืองนอกเขามาแล้ว หลายคนเคยได้ยินคำว่า Clean Food กันใช่ไหมครับ ซึ่ง Clean Food ก็เป็นอาหารที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีส่วนผสมต่างๆ ต้องไม่มีพวก Toxic ซึ่ง Clean Beauty ก็เหมือนกันเลย มันคือการที่เราไม่ใส่ส่วนผสมที่มาจากสารเคมี ต้องไม่มีสารพิษ หรือว่าส่วนผสมที่เป็นอันตรายระคายเคืองต่อผิวพรรณ ส่วนผสมที่นำมาใช้ก็ต้องมีประโยชน์จริงๆ และใส่เท่าที่จำเป็น ซึ่งมันจะมากกว่าเรื่องของ Natural Organic ไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะคำว่า Natural Organic มันก็อาจจะยังมีสารอื่นๆ เป็นสารประกอบอยู่ด้วย แต่ตอนนี้คำว่า Clean Beauty มันไปไกลกว่านั้น คือนอกจากจะพิถีพิถันในการเลือกสิ่งที่ดีมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แล้ว สิ่งใดที่ไม่ดีก็ต้องเอาออกไปด้วย

 

จากนั้นประมาณเดือนกันยายนปีนี้ เราจะเริ่ม Launch คอนเซปต์ของ Clean Beauty อย่างเต็มรูปแบบให้ฟังกันอีกที ซึ่งจะรวมถึงการพัฒนามาตรฐาน Zerolist™ ด้วย ที่ยังไม่ได้พูดที่ไหนเลย มันจะเป็นรายการส่วนผสมเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปกว่า 2,300 รายการที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของปัญญ์ปุริ จะเลือกมาจาก อย. ทั้งในไทยและจากประเทศต่างๆ ทั้งในยุโรป อเมริกา มาคัดเลือกอย่างละเอียดเพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์ของเราปลอดและปราศจากสารระคายเคืองกว่า 2,300 รายการ ซึ่งผมว่ามันเยอะมาก แล้วในเมืองไทยไม่มีใครทำแน่นอน

 

 

ทำไมเราต้องรู้จักเทรนด์​ Clean Beauty

เดี๋ยวนี้โลกพัฒนาไปอย่างเร็วมากนะครับ เครื่องสำอางหรือว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิกก็มีมากขึ้น เราก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ เหมือนกัน อย่าง Natural Organic เราก็เป็นผู้ริเริ่มคนแรก ตอนนี้ก็แพร่หลายและมีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายต่อไปเราอยากที่จะปลุกกระแส Clean Beauty ผมว่ายิ่งเราช่วยๆ กันพูด ผู้บริโภคก็จะตระหนักและใส่ใจในเรื่องของส่วนผสมต่างๆ ในผลิตภัณฑ์มากขึ้น อย่างผมเป็นคนที่ชอบอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ ผมคิดว่าผู้บริโภคหลายคนก็ชอบอ่านฉลากเหมือนกัน แต่บางทีเราจะอ่านแต่สิ่งที่เราจะกินเข้าไป เราจะดูว่าแคลอรีเท่าไร ไขมันเท่าไร โซเดียมหรือน้ำตาลเท่าไร ถ้าเราเห็นตัวเลขที่มันจะเข้าไปอยู่ในร่างกายเรา แล้วส่งผลอันตรายต่อสุขภาพของเราในระยะยาว เราก็จะวางมันลงใช่ไหมครับ เหมือนกับเครื่องสำอางและสกินแคร์ ผิวมันก็ consume นำสารต่างๆ เข้าสู่ผิวเหมือนกัน

 

แต่หลายคนจะไม่ค่อยอ่านฉลากตรงนี้ เราอาจจะรู้เฉพาะอันไหนที่มันดีต่อผิว แต่ส่วนประกอบอื่นๆ ที่รวมอยู่ในนั้นที่เป็นชื่อทางเคมีที่เราไม่รู้จัก มันก็จะยากมากในการทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร ผมเข้าใจว่าผู้บริโภคทั่วไปอาจไม่รู้เรื่องหรอก ผมก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของแบรนด์ที่จะต้องให้ความรู้แก่ผู้บริโภค หรือ empower เสริมสร้างพลังให้กับผู้บริโภคว่า เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าส่วนผสมอันไหนโอเคหรือไม่โอเค ผมอยากที่จะเป็นแบรนด์แรกของประเทศไทยเลยที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักระวังส่วนผสมบางอย่างที่เสี่ยงจะเป็นอันตราย และสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองมากขึ้น ดังนั้น Clean Beauty จึงสำคัญ เพราะต่อไปในอนาคตมันจะอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแน่นอน

 

 

วันนี้ปัญญ์ปุริยังไม่ใช่ Clean Beauty เต็มตัว แต่กำลังอยู่ระหว่างทาง

ปัจจุบันปัญญ์ปุริกำลังพยายามพัฒนาเพื่อไปสู่ความเป็น Clean Beauty ซึ่งเราก็ต้องสารภาพว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ และไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ข้ามคืนด้วย แต่เราจะลุกขึ้นมาทำเรื่องนี้ โดยจะเริ่มต้นที่สกินแคร์ของเราก่อน อย่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า เพราะมันเป็นส่วนที่เซนสิทีฟ ต้องใช้บ่อย ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับตัวอย่างเจลอาบน้ำ เราใช้แล้วล้างออกไป บางทีมันไม่ได้ติดกับผิวเท่าไร ดังนั้นการจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราไปสู่ Clean Beauty เราต้องบอกว่าหนึ่ง เบสผลิตภัณฑ์ของเรามันก็อ่อนโยนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเราโฟกัสเรื่อง Natural Organic แต่มันมีส่วนผสมบางอย่างที่เราเรียนรู้มา15 ปี ต่างประเทศเขาเริ่มแบนกันแล้วนะ ถึงแม้จะไม่มีรีเสิร์ชที่ชัดเจน แต่เราก็คิดว่าเรา take action ก่อนเลย

 

จากนั้นเราจะเริ่มปรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมด คิดว่าจะจบกระบวนการได้ในปี 2019 ตอนนี้เราอยู่ในช่วง reformulate หลายๆ สูตร และทุกสูตรจะต้องตอบโจทย์คุณค่าของแบรนด์ 3 ประการให้ได้ นั่นคือ Purity, Pleasure และ Resalt นี่เป็นสิ่งที่เรากำลังจะทำ และผมคิดว่ามันน่าจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคนะครับ

 

มองประเทศไทยกับเทรนด์ Clean Beauty
ผมว่าจริงๆ Clean Beauty เหมาะกับเมืองไทยมากนะครับ เพราะถ้าเรานับว่าประเทศที่เป็นประเทศหลักๆ ในด้านบิวตี้หรือเครื่องสำอางในเอเชีย ง่ายๆ เลยคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งญี่ปุ่นเกาหลีเขาจะเน้นไปในเรื่องเทคโนโลยีและกิมมิกที่มันเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มันรวมสารเคมีเยอะไปโดยปริยาย เนื่องจากเขาใช้เทคโนโลยีเยอะเกินไป

 

ขณะที่เมืองไทยเรามีโพสิชันด้านบิวตี้อีกแบบหนึ่ง คือเราเน้นด้านความสมดุล เราเน้นด้านเวลเนสที่มันมีความงามที่สมดุลกันระหว่างภายในกับภายนอก และเราก็มีด้านบริการความงามเข้าไปด้วย แล้ว Clean Beauty มันมากับเรื่องพวกนี้เลย คือมันต้องเริ่มจากพื้นฐานของสุขภาพที่ดี ใช้แล้วต้องไม่ทำร้ายผิว ต้องส่งเสริมให้ผิวแข็งแรงขึ้น ผิวสุขภาพดีขึ้น เช่นกันกับเทรนด์ Clean Food ที่เหมาะกับประเทศเรา เพราะเรามีพืชผักหลากหลาย ประเทศเรากินน้ำพริกกับผักต่างๆ มาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ เราเติบโตมากับวัฒนธรรมที่มันคลีนอยู่แล้ว

 

 

ความในใจจากปัญญ์ปุริ

สำหรับผม ผมคิดว่าเรามีวิชันชัดเจนว่าเราอยากจะเป็นแบรนด์ชั้นนำของเอเชียที่เวลาผู้บริโภคนึกถึงเรา อยากให้เขานึกถึง Wellness กับ Clean Beauty อีกอย่างผมไม่ได้มองแบรนด์ไทยอื่นๆ เป็นคู่แข่งเลยนะครับ แต่ผมมองเป็นเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมมากกว่า แบรนด์ไทยของเรามีแบรนด์ที่แข็งแรงหลายแบรนด์ ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะเราจำเป็นต้องอาศัยพลังของหลายๆ แบรนด์ไทยตะโกนพร้อมๆ กัน มันถึงจะเกิดเป็น Country Image ได้เหมือนเกาหลีหรือญี่ปุ่น เราก็เห็นว่าเขาสร้าง Industry กันมาอย่างไร

 

เมืองไทยผมมองว่ามีแค่แบรนด์ปัญญ์ปุริลุกขึ้นมาตะโกนคนเดียวมันไม่ดังหรอกครับ แต่เราอยากเป็นคนแรกๆ ที่เริ่มตะโกนเรื่องนี้ มันต้องมีใครเร่ิมสักคนหนึ่ง และผมก็หวังว่าจะมีคนช่วยกันตะโกนเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อเราตะโกนดังพอ ผู้บริโภคของเราจะได้ยินและหันมาตอบรับ ผมเชื่อว่าเทรนด์ Clean Beauty มันจะมา ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเราจะได้ยินเป็นเรื่องปกติ เหมือนตอนเราเริ่มพูดเรื่องออร์แกนิกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน

 

สมัยนั้นคนยังไม่เข้าใจหรอกอะไรคือออร์แกนิก จนปัจจุบันเป็นเรื่องที่ปกติมาก ผมหวังว่ามันก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกับ Clean Beauty ผมก็จะพยายามคงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เพื่อให้ผู้บริโภคของเราได้รับความงามที่มาจากสุขภาพที่ดีได้อย่างแท้จริง

FYI
  • วรวิทย์ ศิริพากย์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ปัญญ์ปุริ จำกัด และผู้ก่อตั้งปัญญ์ปุริ แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 การตั้งชื่อแบรนด์ปัญญ์ปุรินำมาจากภาษาสันสกฤตคือ ปัญญะ หมายถึง ความกระจ่าง การรู้ตื่นของจิตใจ และ ปุริ พ้องเสียงใกล้เคียงกับคำว่า Purity ในภาษาอังกฤษ หมายถึง ความบริสุทธิ์ ปัญญ์ปุริ จึงหมายถึงคุณค่าอันบริสุทธิ์และสมดุลของตัวเราและสิ่งแวดล้อมที่เกิดมาจากภายใน
  • ปัจจุบัน ปัญญ์ปุริเวลเนส ตั้งอยู่ที่ชั้น 12 เกษร ทาวเวอร์ และ Panpuri Organic Spa ตั้งอยู่ที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ และโรงแรมโอเรียนเต็ล ปีนัง ในประเทศมาเลเซีย
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X