ประเด็นเรื่องพลังงานหมุนเวียน สิ่งแวดล้อม และการลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงเป็นศูนย์ให้สำเร็จ ถือเป็นหัวข้อที่องค์กรเอกชนจำนวนมาก ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐในหลายประเทศต่างก็ให้ความสำคัญกันมากเป็นพิเศษในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยต่างก็เห็นแล้วว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปล่อยปละละเลย ไม่สนใจสภาพแวดล้อม ทำให้ระบบนิเวศในธรรมชาตินั้นย่ำแย่แค่ไหน
ทางด้านองค์กรที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหลายแห่งเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของพวกเขายังคงไปต่อได้แบบไม่มีสะดุด สอดคล้องกันกับทุกๆ การ Take Action หรือนโยบายใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นของพวกเขาที่จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและโลกใบนี้อย่างใส่ใจและจริงจัง
ล่าสุดหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานที่เชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกใบนี้อย่างบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (CKP) ก็เพิ่งผ่านหลักไมล์ความสำเร็จที่สำคัญของพวกเขาไปสดๆ ร้อนๆ เพื่อสามารถพาตัวเองทะยานกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนได้สำเร็จ
ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)
‘Climate Action Leading Organization’ ความสำเร็จขององค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการยึดมั่นในความเชื่ออย่างมั่นคง สม่ำเสมอ
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา CKPower ได้ผ่านการรับรองให้เป็น ‘องค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization)’ จากคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ในการประชุมคณะกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นได้ดีถึงความเชื่อมั่นที่ CKPower มีต่อพลังงานหมุนเวียน และการดำเนินธุรกิจโดยเห็นถึงประโยชน์ของสิ่งแวดล้อม มวลมนุษยชาติเป็นสำคัญ ทั้งยังเป็นเครื่องชี้วัดอีกด้วยว่าความสำเร็จที่จับต้องได้ด้วยตำแหน่งองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน หากแต่มาจากการปรับนโยบายในการดำเนินงาน การบริหารที่ใส่ใจในธรรมชาติและพลังงานสะอาดมาอย่างยาวนาน ต่อเนื่อง ไม่เคยหยุดพัก
นอกเหนือจากนี้ ‘โรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น’ อีกหนึ่งในบริษัทในเครือของ CKPower ก็ยังผ่านเกณฑ์สำคัญได้รับเครื่องหมายคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint Product) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อีกด้วย
โดยที่เครื่องหมายดังกล่าวเปรียบได้ดั่งการการันตีความสามารถของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกภาคส่วนได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การใช้งาน และการกำจัดซากผลิตภัณฑ์หลังการใช้งาน
สำหรับโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ปัจจุบันตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งเน้นการจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม
สู่เป้าหมายใหญ่ CKP NET ZERO EMISSION 2050 Vision ‘ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์’
ปัจจุบัน CKPower ยังได้ขับเคลื่อนแผนการดำเนินงาน CKP NET ZERO EMISSION 2050 ด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางการสร้างความยั่งยืนและสมดุลให้กับโลก เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทยที่ตั้งไว้ในปี 2065
โดยที่พวกเขายังได้เริ่มต้นจากการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Risk Management) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการผลิต ซึ่งวิสัยทัศน์นี้จะถูกนำไปปรับใช้และให้ความสำคัญกับทุกๆ โรงไฟฟ้าที่บริษัทเข้าไปลงทุนด้วย
นอกจากนี้ CKPower ยังได้เลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงเพื่อให้ระบบการจ่ายไฟฟ้าเกิดเสถียรภาพและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพให้กับบุคลากรทุกระดับ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยต่อยอดระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมนำกลไกการกำหนดราคาคาร์บอนสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก (Green Finance) ให้กับองค์กรอย่างมั่นคง
ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) รวมถึงแผนนโยบายของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) CKPower ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่งของภูมิภาค พร้อมเดินตามเป้าหมายการเติบโตในด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและวางรากฐานด้านความมั่นคงทางพลังงาน
“ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2050
“เราให้ความสำคัญในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มุ่งสู่เทรนด์พลังงานสะอาด รักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการหยุดยั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมการดำเนินงานทุกขั้นตอน และร่วมยกระดับมาตรฐานทางด้านพลังงานหมุนเวียนของประเทศสู่การเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” แม่ทัพ CKPower กล่าว
นอกเหนือจากความสำเร็จของการเป็นองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก และการเดินหน้าตามโรดแมป NET ZERO EMISSION 2050 CKPower ยังบรรลุความสำเร็จตามแผนงานการเข้าร่วมเป็น ‘Task Force on Climate-Related Financial Disclosures (TCFD) Supporter’ หรือเป็นผู้สนับสนุนมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศในหมวด Electric Utilities อีกด้วย
การเข้าร่วม TCFD จะมีความสำคัญในแง่ที่ช่วยให้ CKPower สามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจและความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมแก้ไขปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นวาระเร่งด่วนในระดับชาติและระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องไปกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่เป้าหมายสำคัญของการลดคาร์บอนอย่างแท้จริง
สำหรับภาพรวมของการดำเนินงานในปัจจุบัน CKPower มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอยู่ประมาณ 89% จากสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของทั้งบริษัท โดยตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 95% ให้สำเร็จ
รวมไปถึงภายในองค์กร จะดำเนินการปรับใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแบบเต็มสูบ เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าภายในอาคาร ที่อยู่อาศัย และโรงไฟฟ้าในเครือเป็นหลอด LED ประหยัดพลังงาน รวมถึงลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น
ถึงแม้ระยะเวลา 28 ปีอาจจะดูเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร แต่อย่างน้อยที่สุด กว่าจะถึงเวลานั้น การที่ CKPower ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน และมีนโยบายการปรับตัวทั้งในเชิงภายในองค์กร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจหลักของตัวเองอย่างมั่นคงต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลานั้นเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ก็อาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่เกินจริง ยากจะจับต้องได้แต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้น ผลลัพธ์จาก CKPower ก็น่าจะช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นไม่มากก็น้อย