รู้หรือไม่ว่าโครงการก่อสร้างพื้นฐานของประเทศ อย่างเช่นมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช ที่เราได้ใช้กันในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และรถไฟความเร็วสูงที่ได้รับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ใครเป็นผู้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างที่สำคัญ ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับบริษัทดังกล่าว พร้อมผลงานด้านการคมนาคมและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ผ่านมา
บริษัทนี้ประกอบธุรกิจหลักในการรับเหมาก่อสร้าง และได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่ทันสมัยให้แก่ประเทศไทย นั่นก็คือ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ ‘CIVIL’ ที่ดำเนินกิจการมาแล้วมากกว่า 50 ปี โดย CIVIL ได้พัฒนาและส่งมอบงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคมามากกว่า 1,000 โครงการ พร้อมสร้างชื่อเป็นที่ยอมรับทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และที่สำคัญคือกำลังจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร็วๆ นี้อีกด้วย
ความโดดเด่นของ CIVIL คือ การบริหารจัดการโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความไว้วางใจจากภาครัฐให้ร่วมสร้างเส้นทางคมนาคมและสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงสีคิ้ว-กุดจิก โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-โคราช ที่ส่งมอบผลงานก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนสัญญาถึง 8 เดือน ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงขีดความสามารถการดำเนินโครงการของบริษัท ที่มีความพร้อมด้านบุคลากรที่ชำนาญด้านวิศวกรรมโยธา การนำเทคโนโลยีเครื่องจักรอุปกรณ์ก่อสร้างที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง และด้วยผลงานที่สั่งสมและชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับ ทำให้หน่วยงานภาครัฐขึ้นทะเบียนให้ CIVIL เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นสูงสุดในด้านต่างๆ ทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตสูง จากนโยบายภาครัฐที่มีแผนการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ในปี 2565
ด้วยตัวธุรกิจของ CIVIL ที่โลดแล่นอยู่ในวงการผู้นำด้านงานก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจรของไทยมาอย่างยาวนาน และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับวิกฤตโรคโควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมา ภาพรวมธุรกิจทั้งหมดของบริษัทเป็นอย่างไรจากข้อมูลดังต่อไปนี้
ส่วนมูลค่าของโครงการใหญ่ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน มีมูลค่าสูงสุดคือ 8 พันล้านบาท โดยมีมูลค่าสัญญาโครงการที่รอส่งมอบ (Backlog) ณ 30 กันยายน 2564 และโครงการที่เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดถึง ณ สิ้นปี 2564 รวมมูลค่ามากกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการที่ได้รับมอบหมายส่วนมากได้เข้ารับจากการประกวดราคาโดยบริษัท และการรับช่วงต่อจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างเอกชนรายใหญ่ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้า และฝีมือของการเป็นผู้นำในเรื่องของการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับด้านวิศวกรรมโยธาได้เป็นอย่างดี
ในส่วนข้อได้เปรียบในการแข่งขันของ CIVIL คือ มีการบริหารงานโดยคณะกรรมการและผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความชำนาญที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ และดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทั้งยังเป็นทายาทรุ่น 3 ที่เป็นคนรุ่นใหม่ พร้อมนำหลักการบริหารสมัยใหม่ เน้นความคล่องตัว (Agility) และความยืดหยุ่น (Resilience) ทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม และพัฒนาศักยภาพได้อย่างไร้ขีดจำกัด อีกทั้งการเป็นเจ้าของโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง ทำให้ CIVILสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนการผลิตได้ดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทมุ่งใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Back Office และโครงการก่อสร้าง โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาเพิ่มประสิทธิภาพและตรวจสอบความคืบหน้าการดำเนินโครงการ เพื่อให้ส่งมอบงานได้ตรงต่อเวลา ปลอดภัย และภายใต้งบประมาณที่กำหนด รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เช่น เครื่องปูผิวทาง เพื่อเพิ่มคุณภาพของพื้นผิวจราจรที่ได้รับมาตรฐานสากล หรือโดรนสำหรับการวางแผนก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่ง CIVIL ให้ความสำคัญในการลงทุนกับเครื่องจักรเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้างให้ดีเยี่ยมที่สุด
กว่าจะกลายมาเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงจุดนี้ CIVIL ยึดถือหลักแนวคิดที่ว่า ‘Civilizing a better way of life for all’ ที่มุ่งผลิตและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยจะส่งมอบและรักษาไว้ซึ่งผลงาน ผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ดีที่สุด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง เพื่อคงความเป็นผู้สร้างในระดับแนวหน้าของภูมิภาค และให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อพัฒนาองค์กร สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับวงการอุตสาหกรรมก่อสร้างและวิศวกรรมโยธาต่อไปในอนาคต
ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา
อ้างอิง:
- แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
- Press Release CIVIL
