ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจธนาคารเร่งปรับตัวในหลายด้าน ทั้งระบบดิจิทัล การลดสาขาธนาคาร รวมถึงการเพิ่มพันธมิตรทางการเงินใหม่ๆ และครึ่งปีหลังนี้ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ใช้จุดแข็งที่เป็นแบงก์เล็กปรับตัวและจะออก Digital Lending หรือสินเชื่อดิจิทัล (เกือบ) เต็มรูปแบบแล้ว
ตัน คีท จิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) กล่าวว่า ธุรกิจธนาคารเจอปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน อย่างปีนี้มีเรื่องโควิด-19 ที่ทำให้ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในระบบธนาคารลดลง แต่ก็กลายเป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมลูกค้าเข้าสู่โลกดิจิทัลได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันธุรกรรมเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า ส่วนใหญ่อยู่ในช่องทาง Mobile Banking
ช่วงครึ่งปีหลัง 2563 นี้ทางธนาคารร่วมมือกับอีคอมเมิร์ซ โดยจะขยายบริการการให้สินเชื่อบนแพลตฟอร์มให้ลูกค้าซื้อสินค้าและสามารถเลือกจ่ายเงินผ่านการขอสินเชื่อได้ทันที โดยไม่ต้องขอเอกสารทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะอยู่ที่ 13-15% เฟสแรกจะเริ่มวงเงินสินเชื่อที่ 5,000 บาทต่อราย สามารถผ่อนขั้นต่ำได้ที่ 3%
“การให้สินเชื่อโดยไม่ขอเอกสารทางการเงิน แต่จะใช้ข้อมูลด้านอื่นๆ แทน เช่น พฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น มูลค่าการซื้อ ความถี่ในการซื้อสินค้า และอื่นๆ เพื่อมาประมาณการรายได้และให้วงเงินสินเชื่อ โดยเริ่มต้นให้วงเงินไม่สูงมาก เพื่อเรียนรู้ลูกค้าให้เร็วขึ้น โดยข้อมูลจากพันธมิตรที่ทำธุรกิจสินเชื่อนี้พบว่ามีอัตราหนี้เสีย (NPL) ที่ราว 3% โดยบริการนี้มีการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และจะเริ่มให้บริการเมื่อไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด”
ทั้งนี้จากต้นปี 2563 ทางธนาคารเริ่ม Soft Launch สินเชื่อดิจิทัล 2 ประเภทผ่านแอปพลิเคชันใหม่ ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังนี้ ได้แก่
- สินเชื่อบุคคล (Ploan) ผ่านการร่วมมือกับฟินเทคจากประเทศจีนชื่อ 9F โดยวงเงินสินเชื่ออยู่ที่ 12,000-60,000 บาทต่อราย เบื้องต้นคาดว่าดอกเบี้ยจะอยู่ระดับต่ำกว่าบัตรเครดิต (18%) โดยสามารถขอผ่านแอปฯ ‘สินเชื่อบุคคลธนาคารซีไอเอ็มบีไทย’
- สินเชื่อรถเปลี่ยนเงิน (ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ แคช) หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเลือกรุ่นรถ เลือกปี และกรอกวงเงินที่ต้องการ ผ่านแอปฯ CIMB THAI AUTO อัตราดอกเบี้ยคิดเป็น 2.28% ต่อปี (สำหรับรถยนต์ปี 2560 ขึ้นไป)
- ธนาคารมีความร่วมมือกับพันธมิตร NEO Money บริษัทฟินเทคผู้ให้บริการสินเชื่อรวมหนี้ เช่น ในกรณีลูกค้ามีหนี้บัตรเครดิตหลายแห่งมารวมกันและรีไฟแนนซ์กับธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยต่ำลง และชำระหนี้ผ่านธนาคารเดียว
นอกจากนี้ธนาคารขยายการใช้ดิจิทัลกับลูกค้ากลุ่ม Wealth หรือ CIMB Preferred ที่มีเงินฝากและเงินลงทุน 3 ล้านบาทขึ้นไป สามารถซื้อกองทุนผ่านแอปฯ และการเปิด Open Architecture ใน 8 บลจ. รวมถึงในไตรมาส 1/64 จะเพิ่มความสะดวกผ่านการเชื่อมกับ Fund Connect ขณะเดียวกันยังเปิดขายประกัน FWD ประกันชีวิตผ่านแอปฯ ด้วย
“เรามองเรื่องนี้เป็นโอกาสสำหรับแบงก์เล็ก จากเดิมที่สาขาเรามีน้อย ถ้าเราหันมาเน้นดิจิทัลจะทำให้การเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ยิ่งทุกสาขาสามารถทำ eKYC ได้ หลังจากนี้จะเห็นโปรดักต์ออนไลน์มากขึ้น และเป็น Game Changers ของธุรกิจ”
ขณะที่สินเชื่อยอดคงค้างปี 2563 ภาพรวมตลาดและธนาคารมีแนวโน้มจะทรงตัว ส่วนยอดสินเชื่อใหม่คาดว่าจะหดตัว 20-25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นกลยุทธ์ของธนาคารต้องเน้นสินเชื่อใหม่ที่มีคุณภาพ ส่วนกลยุทธ์ด้านสาขาคาดว่าจะคงจำนวนไว้ราว 50-60 สาขาจากจุดสูงสุดที่เคยมีอยู่กว่า 160 สาขา ขณะที่ฐานลูกค้าสิ้นปี 2563 จะขยับเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจออนไลน์ โดยจะมีเป้าหมายฐานลูกค้า Mobile Banking รวม 6.3 แสนราย
ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไปคือ สถานการณ์เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะ GDP ที่ติดลบ ย่อมส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อกับธุรกิจธนาคาร โดยธนาคารอาจระมัดระวังการให้สินเชื่ออย่างต่อเนื่อง และปี 2563 นี้ทาง CIMBT คาดว่ายอดสินเชื่อคงค้างในธุรกิจรายย่อยจะอยู่ที่ 145,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีนี้ NPL จะคงอยู่ที่ระดับ 3.6% ที่เพิ่มขึ้นจากต้นปี 2563 ที่อยู่ราว 3% โดยมองว่าผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/63 ไปแล้ว และสถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
