วันนี้ (21 กันยายน) ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวถึงโครงการทดลองฉีดวัคซีน Sinopharm ให้เด็กนักเรียนนำร่องกลุ่มแรกว่า บรรยากาศที่ฉีดไปเมื่อวานนี้ก็เห็นเด็กนักเรียนมีความสุข หัวเราะสนุกสนาน เด็กอยากกลับไปเจอเพื่อน ภาพรวมเด็กมีความกระตือรือร้นที่จะมาฉีด และหลังฉีดไปแล้วก็เป็นประโยชน์ ซึ่งความเสี่ยงในการได้วัคซีนของเด็กมีความใกล้เคียงกันจนยากกว่าที่ใครจะตัดสินใจได้ง่าย แต่ผลกระทบทางสังคมกับเด็กนักเรียนมีมาก ในวงการแพทย์และการวิจัย นักวิชาการไม่สามารถคิดและคำนวณด้วยกระบวนการที่เคยชิน เลยไม่ได้ตัดสินใจว่าผลกระทบและความเสี่ยงจะมีมากน้อยแค่ไหน
ศ.นพ.นิธิ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการทดลองฉีดวัคซีนให้กับเด็กนักเรียนครั้งนี้ก็หวังว่า หลายคนจะคิดถึงเด็กนักเรียน การใช้ชีวิตในสังคม และการศึกษา จึงอยากให้เด็กนักเรียนได้วัคซีนให้ครบกันถ้วนหน้า ตนยังไม่ขอตอบตอนนี้ว่าจะขยายจำนวนนักเรียนที่จะฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า แต่อยากให้จบโครงการรอบแรกไป เพื่อให้กลุ่มนี้เป็นตัวอย่างให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปพิจารณาว่าการใช้วัคซีนในกระบวนการจริงมีข้อเสียหรือไม่ และผลประโยชน์ที่ได้คืออะไร จะได้เอาข้อมูลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไปเป็นตัวอย่างในชีวิตจริงในสังคมที่คนไทยจะต้องใช้ชีวิตต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินหน้าในโครงการทดลองฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะแสดงให้ อย. ได้เห็นว่าวัคซีนที่ฉีดให้กับนักเรียนไม่ได้มีผลกระทบและสร้างความหวาดกลัวอย่างที่ อย. ออกมติคัดค้านไม่ให้ฉีดหรือไม่ ศ.นพ.นิธิ ตอบว่า กลัวอะไร และวีคซีน Sinopharm ก็มีผลกระทบน้อยกว่าวัคซีนอื่นตั้งเยอะ จะไปกลัวอะไร วัคซีนอื่นน่ากลัวกว่าอีกไหม ส่วนที่มีมติออกมาไม่ให้ฉีดในเด็กที่อายุ 3 ปีขึ้นไปนั้น สงสัย อย. ไม่มีลูกมีหลานเล็กๆ อันนี้ตนเดาเอา
ศ.นพ.นิธิ ย้ำอีกว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นหน่วยงานที่นำร่องและคิดค้นตัวอย่างทำให้คนอื่นได้เห็น ส่วนใครจะเห็นเป็นอย่างอื่นแล้วจะไปทำอย่างไรต่อก็เชิญ ที่ผ่านมาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ก็นำร่องไปหลายโครงการแล้ว บางโครงการตกร่องไปแล้วก็มี ซึ่งก็ไม่เป็นไร
ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่าการฉีดวัคซีนให้กับเด็กยังไม่มีผลการวิจัยรับรองนั้น ศ.นพ.นิธิ กล่าวว่า เวลาที่จะชี้แจงในข้อสงสัยเรื่องไหนตนเองก็จะชี้แจงให้กับคนในระดับความรู้และกิเลสเสมอกัน คนอื่นไม่ชี้แจง และวัคซีนที่ฉีดให้กับเด็กนักเรียน ใครอยากจะมาฉีดก็มา ใครอยากจะใช้ก็ใช้ ไม่ได้บังคับใคร เพราะเป็นโครงการนำร่องทดลอง เพราะถ้าไม่ทดลองก็ไม่รู้
