กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์โลกที่ต้องบันทึกไว้ว่า เทศกาลคริสต์มาสและการเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของปี 2020 นี้ อาจจะเป็นปีที่เงียบเหงาที่สุดอีกปีหนึ่ง เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังคงแผลงฤทธิ์อาละวาดหนัก แม้จะมีความหวังจากความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันออกมาแล้วก็ตาม
โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ ทำให้รัฐบาลตัดสินใจประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทาง ขณะที่อีกหลายประเทศที่ไม่ถึงกับล็อกดาวน์ แต่ก็ตัดสินใจใช้เคอร์ฟิวบรรดาสถานประกอบการ ลดชั่วโมงการเปิดให้บริการ ขอความร่วมมืองดเดินทาง งดจัดงานรื่นเริงปาร์ตี้สังสรรค์ และห้ามการรวมตัวชุมนุมทำกิจกรรมร่วมกันใดๆ อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สาธารณะหรือที่ส่วนตัว
สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า มาตรการล็อกดาวน์ส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคยุโรป โดยเริ่มต้นกันที่ประเทศเยอรมนี ที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ถึง 10 มกราคม 2564 ร้านค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงร้านทำผม โรงเรียน ร้านอาหาร บาร์ และศูนย์นันทนาการต่างๆ ต้องปิดยาว ขณะเดียวกันก็ให้สามารถรวมตัวกันภายในบ้านไม่เกิน 5 คน
มาต่อกันที่อังกฤษ ที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เพิ่งจะประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการเพิ่มระดับใหม่เป็นระดับ 4 จากเดิมที่มี 3 ระดับ ซึ่งจะมีผลคล้ายกับการสั่งมาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ โดยหมายความว่า ประชาชนต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ทำงานจากที่บ้าน ธุรกิจค้าปลีกและยิมต่างๆ ต้องปิดให้บริการ
การยกระดับมาตรการของอังกฤษครั้งนี้จะมีผลต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ และรัฐบาลจะทบทวนอีกครั้งในวันที่ 30 ธันวาคมนี้
ด้านเดนมาร์ก ประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2563 ถึง 3 มกราคม 2564 หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งทะลุกว่า 120,000 คน โดยธุรกิจร้านค้าทุกแห่ง ยกเว้นร้านขายอาหารและยาต้องปิดให้บริการ ขณะที่ประชาชนที่อยากจะฉลองเทศกาลสามารถทำได้ แต่ต้องมารวมตัวกันไม่เกิน 10 คน รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสวมหน้ากากอนามัยป้องกันอย่างเคร่งครัด
ส่วนที่โปแลนด์ รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2563 ถึง 17 มกราคม 2564 และมีคำสั่งพิเศษห้ามเดินทางต่างเมือง ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของคืนส่งท้ายปีเก่า ไปจนถึง 06.00 น. ของวันปีใหม่ และปาร์ตี้ฉลองใดๆ ต้องจำกัดผู้เข้าร่วมไม่เกิน 5 คน รวมถึงนักเรียนอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่สามารถออกจากบ้านหากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง
มาต่อกันที่เนเธอร์แลนด์ รัฐบาลประกาศให้ร้านค้าทุกแห่งที่ไม่จำเป็นปิดให้บริการ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนในอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2563 ถึง 19 มกราคม 2564 และการเฉลิมฉลองใดๆ ห้ามรับแขกเกิน 2 คน ขณะที่ในวันคริสต์มาสอีฟ สามารถรับแขกได้ไม่เกิน 3 คน
สำหรับโรมาเนีย รัฐบาลประกาศขยายระยะเวลาล็อกดาวน์ยาวไปจนถึง 15 มกราคม 2564 ควบคู่ไปกับการมาตรการเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 23.00-05.00 น. ของทุกวัน ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ และงดจัดปาร์ตี้คริสต์มาสอย่างเด็ดขาด ส่วนใครก็ตามที่ละเมิดกฎหมาย จะโดนปรับเป็นเงินสูงสุด 3,800 ดอลลาร์สหรัฐ
ข้ามมายังฮังการี แม้จะไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์ แต่ก็สั่งเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 20.00- 05.00 น. ของทุกวัน ยาวไปจนถึงวันปีใหม่ พร้อมสั่งงดจัดงานปาร์ตี้ต่างๆ ไม่ว่างานนั้นจะจัดอยู่ในสถานที่ส่วนตัวหรือที่บ้านก็ตาม
ด้านบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างสาธาณะรัฐเช็ก ก็สั่งปิดร้านค้าทั้งหมดทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมนี้ ขณะที่มาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้เป็นมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนควบคู่กับเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 23.00- 05.00 น. ของทุกวัน พร้อมขอความร่วมมืองดจัดงานเฉลิมฉลองใดๆ และอนุญาตให้มารวมตัวกันไม่เกิน 6 คน
ส่วนในอิตาลี รัฐบาลประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์สองช่วง ก็คือตั้งแต่วันที่ 24-27 ธันวาคม 2563 กับวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ถึง 3 มกราคม 2564 ขอความร่วมมืองดจัดงานเฉลิมฉลองสังสรรค์ สั่งปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นและจำกัดการเดินทาง
ด้านตุรกี ประเทศมุสลิมหนึ่งเดียวที่ติดกับยุโรป เตรียมประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ถึงเวลา 05.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2564 โดยจะมีผลบังคับใช้กับพลเรือนของประเทศเท่านั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวตุรกีในช่วงปีใหม่ ยังสามารถเดินชมเมืองยามว่างได้
ขณะที่ไทยเอง นอกจากประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาครแล้ว ทางกรุงเทพมหานครยังขอให้งดจัดงานกิจกรรมปีใหม่ พร้อมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนทุกแห่งให้งดจัดกิจกรรมปีใหม่ด้วย แต่หากสถานที่ใดยังยืนยันจะจัด ก็ต้องยื่นขออนุญาตกับสำนักอนามัยของ กทม. พร้อมกำหนดแผนควบคุมโรคเคร่งครัด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า Apple ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของสหรัฐฯ ประกาศปิดร้านสาขาของตน 53 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย และอีก 16 แห่งทั่วประเทศอังกฤษเป็นการชั่วคราว หลังตัวเลขผู้ติดโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น และทางการประกาศยกระดับมาตรการล็อกดาวน์จำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด ซึ่งแม้ว่าทาง Apple จะไม่ได้เปิดเผยว่าจะปิดไปจนถึงเมื่อไร แต่แถลงการณ์ของทางโฆษกของบริษัทระบุ ทางบริษัทจะเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าจะมีโอกาสกลับมาให้บริการแก่ลูกค้าในพื้นที่ได้ภายในเร็ววัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- news.yahoo.com/9-countries-sacrificing-holidays-locking-085800079.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAJsrhbIvMcL4CahrbudwWd1q7KHs5qiibrOWzKdWGK7aESwDOEm51xNyU11F6zQB7VpO20DM2HAUdpyV_iZFtxlNmYdX_rpXhQQ77XWE4hrMzbQCYm_yFs7JjTMBwPy6YMQJXjHOHiVU2XHH6H81Dtqel0ISBiqFtKf509ri3d_I
- www.reuters.com/article/us-apple-store-closures/apple-temporarily-shuts-california-stores-in-virus-surge-some-in-uk-after-new-curbs-idUSKBN28T0XP