×

โจวซิงฉือ King of Comedy กับ 20 ภาพยนตร์ฮ่องกงที่ฉายพรสวรรค์อันโดดเด่นของเขา

03.07.2019
  • LOADING...

22 มิถุนายน 1962

.

สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดปีที่ 58 ของเฮียโจวซิงฉือ นักแสดงชายที่แม้ว่าโลกนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องวุ่นๆ เครียดๆ แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อไรก็ตามที่เรานึกหน้าตา ท่าทาง ผลงานการแสดง และงานกำกับภาพยนตร์ของเขา ก็จะนำพามาซึ่งเสียงหัวเราะอย่างสม่ำเสมอ   

 

ชื่อของโจวซิงฉือถูกจดจำและยอมรับในฐานะ King of Comedy นักแสดงตลกที่มีคาแรกเตอร์โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของโลกภาพยนตร์ และแน่นอนว่าชื่อเสียงของเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่เฉพาะที่ฮ่องกง แต่แฟนทั่วโลกโดยเฉพาะชาวไทยมากมายที่เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับผลงานเรียกเสียงฮาเรื่องแล้วเรื่องเล่า ซึ่งมักจะมาพร้อมกับ ‘คู่หูคู่ฮา’ ที่แยกขาดจากกันไม่ได้อย่าง อู๋ม่งต๊ะ

 

THE STANDARD POP พาร่วมฉลองวันเกิดให้ ‘เฮียโจว’ ด้วยการพาย้อนไปชม 20 ภาพยนตร์ของ King of Comedy ที่แฟนๆ จำได้ไม่มีลืม

 

**แนวทางภาพยนตร์ของโจวซิงฉือ (สตีเฟน โจว) นั้นเต็มไปด้วยแบบฉบับเฉพาะตัว โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ

 

1. ภาพยนตร์คอเมดี้สไตล์ล้อเลียน (Parody Movie) ที่มีต้นแบบมาจากซีรีส์และภาพยนตร์ดัง วรรณกรรมขึ้นหิ้ง หรือแม้แต่การ์ตูนญี่ปุ่น เช่น คนตัดเซียน, อุ้ยเสี่ยวป้อ จอมยุทธเย้ยยุทธจักร, ยาจกซู ไม้เท้าประกาศิต, ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ, จี้กง ใหญ่อย่างข้าไม่มี, โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่, เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว, พยัคฆ์ไม่ร้าย คัง คัง ฉิก, ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน ฯลฯ

 

2. ภาพยนตร์คอเมดี้สไตล์เฉพาะตัว ที่นักวิจารณ์บัญญัติไว้ว่าเป็น Chow Comedy ทางมุกประเภทตลกหลุดโลก ซึ่งมักจะเล่าถึงมนุษย์ตัวเล็กๆ ประเภทขี้แพ้หรือก้าวพลาด ต้องสู้กับชะตากรรมจนพาตัวเองไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จ เช่น คนเล็กนักเรียนโต 1-3, คนเล็กกุ๊กเทวดา, คนเล็กใหญ่เก๊กโลก, นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่, คนเล็กหมัดเทวดา ฯลฯ 

 

มากไปกว่านั้น ความโดดเด่นเฉพาะตัวในภาพยนตร์ของเขาคือการผสมผสานศิลปะการเล่าเรื่องแบบคอเมดี้-ดราม่า ซึ่งโจวซิงฉือสื่อสารมันออกมาได้ดีจนส่งให้ผู้คนยกย่องให้เขาเป็นนักแสดงคอเมดี้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่วงการบันเทิงฮ่องกงเคยมี ถึงแม้ว่าในวันนี้เขาจะมีความสุขกับการพาตัวเองขยับไปสู่ตำแหน่งโปรดิวเซอร์และผู้กำกับมากกว่าการเป็นนักแสดงแล้วก็ตามที

 

 

1. จอมยุทธผงาดฟ้า (The Final Combat, 1989)

อดีตนักเรียนในโรงเรียนการแสดงของค่าย TVB เริ่มต้นเส้นทางสายการแสดงจากบทสมทบเล็กๆ ในซีรีส์ทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ในปี 1988 จนกระทั่งเขาได้รับบทนำเป็นเรื่องแรก แถมยังเป็นบทบาทแรกบนเส้นทางสายคอเมดี้ใน จอมยุทธผงาดฟ้า (The Final Combat) ซีรีส์กำลังภายในเรียกเสียงฮาของค่าย TVB หลังจากออกอากาศ ซีรีส์ประสบความสำเร็จในระดับกระแสนิยมไปทั่วเกาะฮ่องกง นาทีนั้นเองที่ผู้คนเริ่มหมายตาว่าสักวันนักแสดงหน้าใหม่อย่างโจวซิงฉืออาจจะก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงตลกระดับหัวแถวของวงการในสักวัน 

 

 

2. คนตัดเซียน (All for the Winner, 1990) 

หลังแจ้งเกิดจากซีรีส์สายฮาและเริ่มมีชื่อเสียง โจวซิงฉือรับบทนำในซีรีส์และภาพยนตร์คอเมดี้อยู่อีกหลายเรื่อง ก่อนที่จุดเปลี่ยนในชีวิตการแสดงจริงๆ ของเขาจะเกิดขึ้นในปี 1990 จากภาพยนตร์ คนตัดเซียน (All for the Winner) ภาพยนตร์ตลกแนวล้อเลียนพล็อตเรื่อง คนตัดคน (God of Gamblers, 1989) ที่กำลังโด่งดังในระดับโคตรฮิตไปทั่วเอเชีย

 

ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ อาซิง (รับบทโดย โจวซิงฉือ) หนุ่มหน้าซื่อซึ่งออกเดินทางจากแผ่นดินใหญ่มาหาลุงแท้ๆ ที่ฮ่องกง และถึงจะไม่ได้เต็มใจให้อยู่ด้วย แต่หลังจาก ลุงต้า (รับบทโดย อู๋ม่งต๊ะ) ค้นพบว่าหลานชายมีพลังพิเศษคือมองทะลุสิ่งของ แถมยังสามารถเปลี่ยนตัวเลขที่ต้องการในไพ่ได้อีก  

 

ลุงต้าจึงหวังจะรวยทางลัดโดยการผลักดันให้อาซิง (ซึ่งมีโคตรเซียนเกาจิ้งจากภาพยนตร์ คนตัดเซียน เป็นไอดอล) เข้าสู่วงการพนัน ขณะเดียวกันพรหมลิขิตก็ชักพาอาซิงให้ต้องมนต์สะกดของ หวีม่ง (รับบทโดย จางเหมี่ยน หนึ่งในนางเอกภาพยนตร์คู่บุญในยุคแรกๆ ของโจวซิงฉือ) บอดี้การ์ดสาวสวยของเจ้าพ่อนักพนันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และจุดนั้นเองที่นำพามาซึ่งเรื่องราวที่ทั้งหักเหลี่ยม เฉือนคม และวายป่วงตามมาอีกมากมาย 

 

หลังเข้าฉาย ภาพยนตร์ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ต่อยอดความโด่งดังของภาพยนตร์ต้นฉบับได้อย่างยอดเยี่ยม และผลจากความสำเร็จครั้งนี้เองที่ส่งให้โจวซิงฉือกลายเป็นพระเอกระดับซูเปอร์สตาร์สายคอเมดี้ 

 

คนตัดเซียน ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นแนวทางภาพยนตร์ตลกล้อเลียน (Parody Movie) ที่ถือว่าเป็นลายเซ็นสำคัญที่สร้างชื่อเสียงและได้รับการจดจำจากแฟนภาพยนตร์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความเจ๋งยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะ คนตัดเซียน ยังเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ ‘คู่หูคู่ฮา’ ระหว่างโจวซิงฉือและอู๋ม่งต๊ะในโลกภาพยนตร์ชนิดที่ขาดจากกันไม่ได้ไปอีกหลายสิบเรื่อง

 

 

3. คนตัดคน 2 (God of Gamblers 2, 1990)

ยังคงต่อยอดความสำเร็จไม่เลิก หลังจากภาพยนตร์ต้นฉบับตำนานเซียนการพนัน คนตัดคน และภาพยนตร์ล้อเลียนสุดลือลั่นอย่าง คนตัดเซียน ประสบความสำเร็จติดลมบน ที่เก๋ยิ่งกว่าคือกลับมาคราวนี้ คนตัดคน 2 มีการผสมผสานเรื่องราวครอสจักรวาลกันเองระหว่างภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง

 

โดยพล็อตหลักดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรก เมื่อ โคตรเซียนเกาจิ้ง (รับบทโดย โจวเหวินฟะ) ยอมรับ อาเต๋า (รับบทโดย หลิวเต๋อหัว) เป็นศิษย์เอก และพัฒนาฝีมือจนถูกเรียกขานให้เป็นโคตรเซียนน้อย

 

ขณะเดียวกันภาพยนตร์ก็แยกผู้ชมไปตามติดชีวิตตัวละคร อาซิง (รับบทโดย โจวซิงฉือ ที่แน่นอนว่ามาพร้อมกับลุงคนสนิทที่รับบทโดย อู๋ม่งต๊ะ) หนุ่มหน้าซื่อผู้มีพลังพิเศษและความมุ่งมั่นอันแรงกล้าที่จะเป็นศิษย์ของโคตรเซียนเกาจิ้งให้จงได้ 

 

คนตัดคน 2 ยังคงสอดไส้มุกตลกเรียกเสียงฮาเอาไว้ในแก่นเกมการต่อสู้หักเหลี่ยมเฉือนคมของผู้คนในโลกการพนันได้อย่างสนุก เพราะแม้ภาพยนตร์จะเริ่มต้นจากความวายป่วงของคู่ลุงหลานอย่างอาซิงกับลุงต้า แต่ลงท้ายสองนักแสดงนำของเรื่องอย่างหลิวเต๋อหัวและโจวซิงฉือก็จับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขเพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีในฐานะศิษย์ตัวจริงของโคตรเซียนเกาจิ้งคืนกลับมาให้จงได้

 

 

4. คนเล็กต้องใหญ่ (Fist of Fury, 1991)

ด้วยพื้นฐานชีวิตจริงที่มีรกรากดั้งเดิมจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และมี บรูซ ลี เป็นไอดอลในดวงใจ แฟนภาพยนตร์จึงมักจะเห็นโจวซิงฉือสะท้อนสองสิ่งนี้ลงไปในผลงานการแสดงของเขาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ คนเล็กต้องใหญ่ ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าคงจะได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานเรื่องดังของบรูซ ลี 

 

ส่วนเนื้อหาของเรื่องนั้นต่างกันลิบลับ คงเหลือไว้เพียงเรื่องราวการแข่งขันกังฟูที่เคลือบทับไว้ด้วยเรื่องราวสุดเพี้ยนพิสดารของ หลิวจิง หนุ่มหน้าซื่อจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ข้ามฝั่งทะเลมาหางานและเงินในฮ่องกง เขาได้พบกับ เซียวจิ่ว ไอ้หนุ่มนักต้มตุ๋นจอมกะล่อนโดยบังเอิญ สุดท้ายภาพยนตร์พาคนดูไปร่วมลุ้นร่วมฮาบนเวทีประลองวิชากังฟู หลังจากทั้งคู่เข้าร่วมเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักฮั่วหวนผู้มี อาหมิ่น ลูกสาวแสนสวยเป็นแรงใจสำคัญในการต่อสู้ จนกระทั่งไอ้สองหนุ่มคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาจนได้

 

 

5. คนเล็กนักเรียนโต (Fight Back to School, 1991)

นอกจากตัวภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง คนเล็กนักเรียนโต ยังถูกยกย่องและจดจำให้เป็นจุดกำเนิดภาพยนตร์ตลกสไตล์ Chow Comedy ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์มุกฮาเฉพาะตัว ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของนายตำรวจหนุ่ม โจซิงซิง ที่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาแฝงตัวเป็นนักเรียนเพื่อสืบหาปืนของสารวัตรที่หายสาบสูญไปนานกว่า 30 ปี โดยได้รับความร่วมมือ (ที่ความจริงทำให้ภารกิจป่วนยิ่งขึ้น) จาก เฉาต๋าหัว นายตำรวจรุ่นลุงที่แฝงตัวเข้ามาเป็นภารโรงด้วยเช่นกัน ภารกิจตามหาปืนดำเนินไปอย่างเข้มข้น ได้เฮ และได้ฮา ขณะเดียวกันความรักระหว่างเขากับอาจารย์แนะแนวสาวสวย เหอหมิ่น ก็ค่อยๆ พัฒนาไปพร้อมกันด้วย

 

 

6. คนกัดคน (Tricky Brains, 1991)
หลังจากเคยแสดงนำคู่กันใน คนตัดคน 2 โจวซิงฉือและหลิวเต๋อหัวโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งใน คนกัดคน ภาพยนตร์ทำเงินถล่มทลายที่ดึงเอาความโดดเด่นเฉพาะตัวสายตลก-ดราม่า-โรแมนติกของทั้งคู่มาผสมไว้ในเรื่องเดียว โดยสองซูเปอร์สตาร์รับบทเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่มีพ่อคนเดียวกัน (รับบทโดย อู๋ม่งต๊ะ) และผลจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ทำให้โจวซิงฉือค้นพบแนวทางภาพยนตร์ที่มีส่วนผสมระหว่างคอเมดี้และดราม่า ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในแนวทางภาพยนตร์ที่สร้างชื่อและสร้างความสำเร็จให้กับเขาอย่างมากในเรื่องต่อๆ มา 

 

 

7. คนเล็กนักเรียนโต 2 (Fight Back to School 2, 1992)

เมื่อมือปราบชั้นยอดแห่งกรมตำรวจฮ่องกงเจอโชคชะตาเล่นตลก โดยการถูกลดขั้นให้ย้ายไปรับหน้าที่จราจรชั้นปลายแถว แต่ถึงอย่างนั้นเลือดมือปราบอันข้นคลั่กก็นำพาให้เขาต้องปลอมตัวเป็นนักเรียนเพื่อตามแกะรอยอาชญากรรมภายในโรงเรียนนานาชาติ จนในที่สุดก็สามารถสร้างผลงานโดดเด่นเข้าตา ได้กลับคืนสู่ตำแหน่งยอดมือปราบที่เขาภาคภูมิใจอีกครั้ง

 

 

8. คนเล็กสะท้านยุทธจักร (Justice, My Foot!, 1992)

ซุงชี่เชอ หรืออาซุง ทนายหนุ่มชื่อดังกระฉ่อนผู้ใช้คารมคมคายว่าความจนชนะคดีครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่แคร์ต่อศีลธรรมและความถูกผิด 

 

อาหลี่ ภรรยาของเขาจึงเชื่อว่าการกระทำอันต่ำทรามนี้เองเป็นสาเหตุให้ทั้งคู่ไม่มีลูกสืบวงศ์ตระกูลเสียที และแม้จะคอยกล่อมสามีให้กลับตัวกลับใจสักกี่ครั้งก็ดูเหมือนว่าความพยายามนั้นจะไร้ผล แต่แล้วก็เหมือนฟ้ามีตาที่เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญจนทำให้อาซุงโดนจับเข้าคุก ถูกปลดจากอาชีพทนาย แถมยังมีนักฆ่าถูกส่งเข้าคุกตามมาเอาชีวิตในคดีที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนทำ ชะตากรรมนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาต้องใช้ไหวพริบสืบสวนและเสาะหาความจริงเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้

 

 

9. อุ้ยเสี่ยวป้อ จอมยุทธเย้ยยุทธจักร 1-2 (Royal Tramp 1-2, 1992)

หนึ่งในภาพยนตร์ชุดแนวล้อเลียนของโจวซิงฉือที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ภาพยนตร์สร้างจากเค้าโครงนวนิยายชื่อระดับตำนานชื่อเดียวกันของ กิมย้ง ซึ่งเข้าฉายในปีเดียวกันทั้งสองภาค  

 

อุ้ยเสี่ยวป้อ นั้นไร้ซึ่งความสามารถด้านวรยุทธ ขณะเดียวกันพรสวรรรค์ที่ฟ้าประทานมาให้แทนคือกะล่อน ฉลาดเฉลียวเป็นกรด มีไหวพริบเป็นเลิศ กระทั่งวันหนึ่งเขาได้ช่วยชีวิตประมุขพรรคฟ้าดินไว้โดยบังเอิญ จุดเริ่มต้นนี้เองที่นำพาให้เขาจับพลัดจับผลูต้องสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคฟ้าดิน แถมยังถูกส่งตัวเข้าไปในวังหลวงเพื่อสังหาร คังซีฮ่องเต้ แต่เรื่องราวดูเหมือนจะวุ่นไม่รู้จบ เพราะเมื่อเข้าวังไปได้ไม่นาน ความกะล่อนปากเป็นเอกก็ส่งให้เขากลายเป็นสหายที่ฮ่องเต้โปรดปรานและไว้ใจไปเสียอย่างนั้น

 

 

10. ยาจกซู ไม้เท้าประกาศิต (King of Beggars, 1992) 

ใครเห็นยาจกซูเนื้อตัวมอมแมม ผมยาวรุงรัง คงไม่คาดคิดว่าเขาเคยเป็นลูกข้าหลวงใหญ่ผู้ร่ำรวย แต่เพราะความไม่เอาไหน วันๆ เอาแต่ใช้ชีวิตสุขสำราญ ไร้ซึ่งความรู้ ไร้ทักษะการต่อสู้ 

 

เขาเกิดไปหลงรักสาวงาม หยังซู แต่เธอมีข้อแม้สำคัญที่จะต้องทำให้ได้ถ้าหากหวังได้เธอเป็นคู่ครอง คือจะต้องเอาชนะการสอบแข่งขันตำแหน่งจอหงวนอันดุเดือดทั้งบู๊ (ยอดฝีมือด้านยุทธ) และบุ๋น (ยอดปราชญ์ฉลาดการปกครอง) ให้ได้เสียก่อน แต่ก็อย่างที่บอกว่าเขานั้นเป็นจอมเสเพล ที่สุดจึงถูกจับได้ว่าโกงสอบ 

 

ฮ่องเต้ทราบข่าวก็ถึงกับโกรธควันออกหู สั่งลงโทษให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูล แถมพ่อยังถูกปลดออกจากตำแหน่งข้าหลวงประจำราชสำนัก กลายเป็นยาจกสิ้นเนื้อประดาตัว 

 

ต่อมายาจกซูมีโอกาสได้เข้าร่วมพรรคกระยาจก เขาเริ่มใฝ่ดี พัฒนาหาความรู้จนชีวิตพลิกผันได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งประมุขพรรคคนใหม่ อีกทั้งยังได้ฝึกกระบวนท่า 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรของปรมาจารย์อั๋งชิกง แน่นอนว่าตำแหน่งสำคัญย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ภารกิจของยาจกซูคือจะต้องขัดขวางจอมมารพรรคบัวขาวที่หวังจะชิงความเป็นใหญ่ในราชสำนักให้จงได้ 

 

 

11. ถังไป่หู่ ใหญ่ไม่ต้องประกาศ (Flirting Scholar, 1993)

ภาพยนตร์ตลกแบบที่โจวซิงฉือถนัด รีเมกจากซีรีส์ในตำนาน Three Smiles to Romance ของ Shaw Brothers เมื่อหญิงสาวทั้งแผ่นดินต่างเฝ้าฝันอยากได้ ถังไป่หู่ นักปราชญ์สุดเปรื่องและบัณฑิตหนุ่มจอมเจ้าบทเจ้ากลอนเป็นคู่ครอง เพราะการได้สามีอนาคตไกลที่มีความสามารถรอบด้านย่อมเหมือนได้เพชรงามไว้ในมือ แต่แล้วพรหมลิขิตก็ชักพา ไป่หู่ ปลอมตัวเข้าบ้านตระกูลฮัวจนได้พบกับ ชิวเซียง หญิงงามคนแรกทำให้บัณฑิตหนุ่มสุดมั่นต้องอกเดาะจนยากจะถอนใจ และก็เพราะเหตุที่ต้องปลอมตัวเข้าบ้านเสนาบดีเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับชิวเซียงนี่เองที่นำพามาซึ่งเรื่องวุ่นๆ ให้เขาต้องใช้ความสามารถทุกอย่างเท่าที่ตัวเองมีเพื่อพิชิตใจและช่วงชิงนางในฝันของตัวเองมาให้ได้

 

 

12. จี้กง ใหญ่อย่างข้าไม่มี (The Mad Monk, 1993)

ภาพยนตร์เรียกเสียงฮาผสมผสานดราม่า ดัดแปลงจากตำนานอัศจรรย์ของอรหันต์จี้กง เมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้สั่งลงทัณฑ์ เสียนหง อรหันต์ปราบมังกร เทพหนุ่มผู้มักจะทำเรื่องผิดกฎสวรรค์จนน่าระอาให้ลงไปเกิดบนโลกมนุษย์ แต่เพราะได้รับความเมตตาจากเจ้าแม่กวนอิม เทพนอกกรอบอย่างเขาจึงตกสวรรค์ไปเกิดใหม่ในคราบ นักบวชจี้กง พร้อมภารกิจที่จะต้องโปรดสัตว์อบรมมนุษย์ 3 ประเภท ได้แก่ ขอทาน 9 ชาติ, โสเภณี 9 ชาติ และคนโฉด 9 ชาติ ให้กลับตัวเป็นคนดีให้ได้ จนเมื่อภารกิจนี้สำเร็จ เขาจึงจะได้รับการอภัยให้กลับคืนสู่สวรรค์อีกครั้ง

 

 

13. โลกบอกว่าข้าต้องใหญ่ (Love on Delivery, 1994)

ภาพยนตร์ซื้อลิขสิทธิ์มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดังที่คนไทยรู้จักในชื่อ ถึงจะเห่ยแต่ก็สู้นะเฟ้ย มาดัดแปลงใหม่เป็นภาพยนตร์ในแบบฉบับโจวซิงฉือ-อู๋ม่งต๊ะ เล่าเรื่องราวลูกศิษย์สุดเห่ยกับอาจารย์สอนมวยจีนที่มีวิธีการสอนอันพิลึกพิลั่น 

 

เหอชินหยิน ชายหนุ่มสุดซื่อที่แสนจะธรรมดาได้ตกหลุมรัก ลิลลี่ เทพีแห่งโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่คนสวยย่อมมีมารหัวใจ แถมมารหัวใจยังเป็นถึงโค้ชยูโดฝีมือร้ายกาจ ดังนั้นเพื่อจะพิชิตใจและปกป้องเธอจากการถูกลวนลาม เขาจึงลุกขึ้นฝึกมวยจีนหวังให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น แม้จะต้องฝึกหนักและบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตามที

 

 

14. เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว (Hail The Judge, 1994)

ภาพยนตร์ตลกล้อเลียน-ผสมดราม่า แนวถนัดของโจวซิงฉือ คราวนี้เขากลับมาอีกครั้งในคราบ เปาหลงซิง ผู้พิพากษาผู้สืบเชื้อสายจากเปาบุ้นจิ้น (แน่นอนว่าล้อเลียนซีรีส์และภาพยนตร์ดังอย่าง เปาบุ้นจิ้น เจ้าเมืองไคฟงอันมีชื่อเสียงด้านความยุติธรรม ใจซื่อ มือสะอาด) ส่วนบทบาทเปาหลงซิงตอนต้นเรื่องนั้นกลับด้านกัน ชื่อเสียงในทางเสื่อมเสียด้านความหน้าเงิน ชอบรับสินบน และเข้าข้างคนรวยของเขานั้นขจรขจาย   

 

จนกระทั่งได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมยกครัว 13 ศพ มีเพียงหญิงสาว อาเลี่ยน เท่านั้นที่รอดชีวิตมาขอความเป็นธรรม โดยกล่าวหาว่า ฉางเหว่ย ลูกชายของอุปราชอำนาจล้นเป็นฆาตกรเลือดเย็น แต่เพราะเล่ห์เหลี่ยมและอำนาจบารมีของอุปราชที่สร้างเรื่องพลิกคดีให้ฉางเหว่ยกลายเป็นคนร้าย ขณะเดียวกันเปาหลงซิงก็ถูกปรักปรำว่ารับสินบนจนต้องหลบหนี ลำบากลำบนจนรู้สำนึกชั่วดี สุดท้ายหลังจากได้ร่ำเรียนวิชายุทธจากซ่องนางโลม เขาก็แอบสืบหาความจริงเพื่อล้างมลทินให้ตัวเอง พร้อมกับคืนความเป็นธรรมให้กับทั้ง 13 ชีวิตที่ตายไปได้สำเร็จ

 

 

15. พยัคฆ์ไม่ร้าย คัง คัง ฉิก (From Beijing with Love, 1994)

โจวซิงฉือเดินหน้าผลิตภาพยนตร์ล้อเลียนขึ้นชื่ออีกครั้ง คราวนี้เขาสร้างเสียงฮาโดยหยิบภาพยนตร์สายลับอังกฤษชื่อดังอย่าง James Bond 007 มายำใหญ่ใส่มุกตลกแบบไม่ยั้ง เนื้อหากล่าวถึงเบื้องหน้าของ อาไช่ พ่อค้าเขียงหมูที่แสนจะบ้านเบ แต่แท้จริงแล้วเขาคืออดีตสายลับที่ถูกลืม กาลเวลาล่วงเลยมามากกว่า 10 ปี อยู่ๆ กะโหลกไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดินจีนก็สูญหายไปอย่างน่าพิศวง สุดท้ายรัฐบาลจีนจึงตัดสินใจเลือกให้อาไช่สืบหาเงื่อนงำของคดีนี้ โดยระหว่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่นั่นเอง อาไช่ได้พบกับ อาคัม สายลับหญิงดาวรุ่งที่มาเป็นผู้ช่วย และหลักฐานเดียวที่ถือเป็นเบาะแสสำคัญคือคนร้ายใช้ปืนทองเป็นอาวุธ ซึ่งเขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งโดยการทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ

 

 

16. ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 1-2 (A Chinese Odyssey Part One: Pandora’s Box, A Chinese Odyssey Part Two: Cinderella, 1995)

หลังจากโลดแล่นในวงการมาอย่างยาวนาน ผลิตภาพยนตร์เรียกเสียงฮาในแนวทางของตัวเองจนเป็นที่ยอมรับในฐานะพระเอกสายคอเมดี้ระดับอัจฉริยะของวงการ กระทั่งในวัย 33 ปี เขารับบทบาทใหม่อีกครั้งโดยหยิบเอาตำนานไซอิ๋วที่ถูกผลิตซ้ำ นำมาสร้างเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ครั้งแล้วครั้งเล่า มาดัดแปลงและเล่าใหม่ในแบบฉบับของโจวซิงฉือที่มีทั้งมุกเรียกเสียงฮาและเรื่องราวดราม่า เข้มข้น โรแมนติกกินใจ 

 

แม้ตอนเข้าฉายจะเปิดตัวได้ไม่ดีเท่าเรื่องก่อนๆ แต่ด้วยเนื้อหาอันโดดเด่นครบรส โดยเฉพาะการแสดงระดับพรสวรรค์ทั้งสายฮาและดราม่า ส่งให้ต่อมามันได้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ชุดที่แฟนภาพยนตร์ยกย่องว่าดีที่สุดของโจวซิงฉือ     

 

เรื่องราวใน ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน เริ่มต้นเล่าถึง เห้งเจีย กับปีศาจวัวกระทิง ที่ได้รวมหัวกันทรยศ พระถังซำจั๋ง โดยหวังจับอาจารย์ของตัวเองมากินเนื้อเพื่อจะได้อยู่ยงคงกระพัน เคราะห์ดีที่เจ้าแม่กวนอิมมาช่วยไว้ได้ทัน ขณะเดียวกันแม้จะได้รับความช่วยเหลือ แต่พระถังซำจั๋งก็รู้สึกละอายใจอย่างมากที่ไม่สามารถขัดเกลาลูกศิษย์ได้ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อไถ่โทษให้แก่ศิษย์

 

หลายร้อยปีต่อมา เห้งเจียกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในคราบหัวหน้าโจรภูเขา ก่อนที่เรื่องราวจะนำพาให้เขาล่วงรู้อดีตชาติของตัวเองผ่านทางกล้องแสงจันทร์ พร้อมๆ กับโอกาสที่จะช่วยเหลืออาจารย์เก่าเพื่อแก้ไขอดีตอันเลวร้ายของตัวเอง

 

 

17. คนเล็กกุ๊กเทวดา (The God of Cookery, 1996)

ภาพยนตร์เรื่องที่สองต่อจาก สายไม่ลับคังคังโป๊ย (Forbidden City Cop, 1996) ที่โจวซิงฉือก้าวขึ้นมาดูแลโปรเจกต์ด้วยตัวเองแทบจะครบวงจร โดยควบตำแหน่งทั้งโปรดิวเซอร์ เขียนบท นำแสดง และกำกับภาพยนตร์ ฯลฯ ขณะเดียวกันมันก็เป็นหมุดหมายที่สำคัญในอาชีพนักแสดงของเขา เพราะผลงานหลายๆ เรื่องนับจากนี้ แฟนๆ มักจะบอกตรงกันว่าเขาใส่ความฮาลดลง ขณะเดียวกันก็ปรุงส่วนผสมของเรื่องราวดราม่าลงไปในภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น 

 

ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ สตีเฟน โจว กุ๊กเทวดาเจ้าของเครือข่ายธุรกิจอาหารอันโด่งดัง แต่ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง วันหนึ่งเขาถูกลูกน้องคนสนิทหักหลังโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมจนเขาสูญเสียแทบทุกสิ่งอย่าง ทั้งชื่อเสียง เกียรติยศ และเงินทอง เป็นอีกเรื่องที่ตัวละครของเขาตกต่ำอันเกิดการก้าวพลาดในชีวิตของตัวเอง 

 

แต่ในเรื่องร้ายย่อมมีเรื่องดี เพราะอาโจวได้รับความช่วยเหลือจาก เจ๊จี แม่ค้าขายบะหมี่ที่แม้หน้าตาจะอัปลักษณ์ แต่จิตใจนั้นช่างงดงามกว้างใหญ่ เขาจึงเก็บตัวเพื่อรอคอยโอกาสจะทวงเกียรติยศชื่อเสียงที่ถูกทำลายลงคืนกลับมาอีกครั้ง

 

 

18. คนเล็กไม่เกรงใจนรก (King of Comedy, 1999)

โจวซิงฉือกลับมาอีกครั้งในบทที่เขาเขียนขึ้นเอง กำกับเอง และแสดงเอง โดยเป็นเรื่องราวของ อาเฉา ตัวประกอบปลายแถวที่ฝีมือการแสดงจัดว่าห่วยที่สุดคนหนึ่ง ขณะเดียวกันเขากลับมีความเชื่อว่าตนเองนั้นเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม จนเมื่อกาลเวลาผ่านไป เขาค่อยๆ สำรวจตัวเองจนเริ่มคิดได้ว่าอนาคตบนเส้นทางนี้คงไปต่อได้ยาก อาเฉาจึงหันเหทิศทางไปเป็นอาจารย์สอนการแสดง และหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาคือ เพียวเพียว สาวบาร์ผู้ช้ำชอกจากรักครั้งแรก กระทั่งกาลเวลาผ่านไปสักพัก ทั้งสองคนเกิดความรู้สึกดีๆ ให้กัน ก่อนโอกาสสำคัญที่ดาราสาวคนหนึ่งหยิบยื่นให้จะตามมาพร้อมทางแยกที่เขาต้องเลือกว่าจะเดินทางตามฝันหรือเลือกความสัมพันธ์ที่เขาเองก็ต้องการไม่ต่างกัน

 

 

19. นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (Shaolin Soccer, 2001)

หลังจากยืนหนึ่งในฐานะ King of Comedy ของวงการ ต่อมาเขาส่งผลงานใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมในระดับปรากฏการณ์อีกครั้งกับ นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ ภาพยนตร์ต้นฉบับสายฮาที่ยกระดับไปอีกขั้น เนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวของ อาฟ่ง อดีตนักเตะเจ้าของฉายาแข้งทองในวัยหนุ่มที่ก้าวพลาดโดยการรับเงินล้มบอล ผลจากการก้าวพลาดส่งให้แฟนบอลโกรธแค้นและรุมทำร้ายร่างกายจนขาหัก สิ้นสุดชีวิตการค้าแข้งพร้อมกับชีวิตที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ 

 

ต่อมาอาฟ่งได้พบกับ อาซิง อดีตศิษย์เส้าหลินหน้าซื่อผู้มีพรสวรรค์ ทั้งคู่จับมือกันสร้างทีมฟุตบอลโดยรวบรวมศิษย์เก่าของวัดเส้าหลิน กระทั่งกลายเป็นทีมฟุตบอลที่พิสดารที่สุดในโลกเพื่อลงแข่งขันในลีกที่มีเดิมพันสูงลิบ และพวกเขาเองก็มีกำแพงอันแข็งแกร่ง โดยเป็นทีมมนุษย์พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่จะต้องทุบทำลายและข้ามผ่านไปให้ได้ ภาพยนตร์ของเขายังคงเรียกเสียงฮา ขณะเดียวกันมันก็ผสมความกลมกล่อมในแง่ของบทและเทคนิคพิเศษอันยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งโด่งดังและถูกจดจำให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของโจวซิงฉือมาจนถึงทุกวันนี้   

 

 

20. คนเล็กหมัดเทวดา (Kung Fu Hustle, 2004)

อย่างที่ได้กล่าวไว้ในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ว่าถ้าเป็นแฟนของโจวซิงฉือก็ย่อมต้องต่อจิ๊กซอว์ได้ออกว่าผลงาน คนเล็กหมัดเทวดา ที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้นมาจากแรงบันดาลใจในวัยเด็กที่หล่อหลอมเขามาทั้งสิ้น 

 

“เรื่องราวที่กล่าวถึงเซี่ยงไฮ้ช่วงยุค 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่มีแก๊งอันธพาลครองเมือง กลุ่มคนเลวที่ก่อกวนในย่านตรอกเล้าหมู แต่ไม่สำเร็จ เพราะนี่คือย่านชุมนุมที่กลุ่มจอมยุทธฝีมือดีมากมายใช้เป็นแหล่งหลบซ่อนตัว” พล็อตหลักของเรื่องที่ถูกเล่าขานผ่านสื่อ 

 

ขณะเดียวกันชีวิตจริงของโจวซิงฉือก็เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่มีถิ่นฐานดั้งเดิมจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มหน้าซื่อซึ่งเดินทางจากแผ่นดินใหญ่มายังฮ่องกงพร้อมครอบครัวนั้นก็มีความฝันที่อยากจะเป็นนักแสดง โดยมีภาพการต่อสู้อันน่าตื่นตาตื่นใจของ บรูซ ลี เป็นไอดอลในดวงใจ พร้อมๆ กับเรื่องราวภาพยนตร์กำลังภายในที่เติบโตมาพร้อมกัน 

 

สิ่งเหล่านี้เองที่ตกผลึกออกมาเป็นเรื่องราวใน คนเล็กหมัดเทวดา ที่เขากุมบังเหียนเองทั้งในฐานะผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ผู้เขียนบท คอมโพสเซอร์ และนักแสดงนำของเรื่อง 

 

เขายังคงกลับมาพร้อมกับคาแรกเตอร์ของคนตัวเล็กอย่าง อาซิง โจรไร้ฝีมือที่เข้ามาลองของในตรอกเล้าหมูที่ชีวิตจับพลัดจับผลูเข้ามาเกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาล หลังต้องถูกซ้อม หนีตาย เขาก็ได้รับความช่วยเหลือและฝึกฝนวิชาจากสองผัวเมียเจ้าของห้องเช่าผู้มีแบ็กกราวด์เป็นอดีตจอมยุทธที่ร้ายกาจ เมื่อนั้นเองที่อาซิงไม่ใช่หนุ่มขี้แพ้คนเดิมอีกต่อไป ขณะเดียวกันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องกลับไปแก้แค้นและทวงคืนความยุติธรรมให้กลับคืนมาสู่ตรอกเล้าหมูอีกครั้ง

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising