ในเกาหลีใต้มีนักเตะไม่กี่คนที่ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากค่ายทหารไปสู่หน้าปกนิตยสาร Vogue Korea ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน
แต่นั่นแหละคือชีวิตที่ผ่านมาของ โชกยูซอง ดาวยิงหน้าหยกที่กลายเป็นดาวดังในหมู่แฟนฟุตบอลทั่วโลก (โดยเฉพาะสาวๆ) หลังแจ้งเกิดได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โชกยูซองต้องเจอกับเรื่องราวมากมาย กับการค้นพบความหมายของชีวิตในแบบที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในฐานะซูเปอร์สตาร์อีกคนของประเทศในระดับน้องๆ ของซนฮึงมินเลยทีเดียว
ชื่อของโชกยูซองไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูของแฟนฟุตบอลทั่วโลกมากเท่าไรนัก เพราะเขาไม่ได้เป็นนักเตะที่ได้โอกาสในการย้ายไปค้าแข้งในลีกสโมสรยุโรปเหมือนกับซูเปอร์สตาร์คนอื่นๆ อย่างเช่น ซนฮึงมินหรือฮวังฮีชานที่โด่งดังในพรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก
แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ชื่อของโชกยูซองกลายเป็นชื่อที่แฟนบอลทั่วโลกให้ความสนใจอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ไม่เพียงแต่จะมีบทบาทในฐานะกองหน้าตัวสำรองทีเด็ดของทีมชาติเกาหลีใต้ แต่เขายังกลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างง่ายดาย ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อในระดับเป็นดาราได้สบายๆ
“หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายตั้งแต่ปีที่แล้ว” โช ซึ่งปัจจุบันอายุ 25 ปี ให้สัมภาษณ์กับ The Athletic “แต่ผมก็สนุกไปกับมันนะ”
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดสำหรับตัวเขาย่อมเป็นเรื่องของชื่อเสียงที่เกิดขึ้นเหมือนดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นกลางอากาศ ที่แม้ประกายของมันจะหายไปจากสายตา แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในจิตใจของผู้คน
ถึงแม้ว่าเกมที่ดีที่สุดของโชในฟุตบอลโลก 2022 จะเป็นการลงสนามแล้วทำ 2 ประตูให้ทีมชาติเกาหลีใต้ในเกมที่แพ้กานา 3-2 แต่เขากลายเป็นนักเตะที่กลายเป็น ‘ไวรัล’ ตั้งแต่ในเกมนัดแรกที่ทัพนักเตะแทฮันมินกุกลงสนามพบกับทีมชาติอุรุกวัยแล้ว
ในเกมนั้นโชได้ลงเล่นแค่ 16 นาทีก็จริง แต่เขากลายเป็นจุดสนใจตั้งแต่ในช่วงที่ยังไม่ได้ลงสนามด้วยซ้ำ เมื่อกล้องโทรทัศน์จับภาพของเขาที่นั่งอยู่ข้างสนามบ้าง กำลังวอร์มอัพอยู่บ้าง จนทำให้แฟนๆ ที่ติดตามชมเกมดังกล่าวอยู่ต่างพากันอยากรู้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้คือใคร
ช่วงเวลานั้นบนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอย่าง TikTok เต็มไปด้วยคลิปวิดีโอของโชกยูซองในอิริยาบถต่างๆ เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเดินเข้าสนาม นั่งเฉยๆ หรือจะทำอะไรก็ตาม มันช่างดูดีไปเสียหมด เขากลายเป็นพ่อหนุ่มในฝันสำหรับกองเชียร์ไปเป็นที่เรียบร้อย
และนั่นทำให้จำนวนยอดผู้ติดตามของโชเพิ่มจาก 20,000 คน เป็น 1.6 ล้านแอ็กเคานต์บน Instagram ในช่วงฟุตบอลโลก และปัจจุบันยอดผู้ติดตามไปไกลถึง 2.7 ล้านแอ็กเคานต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนไม่ว่าโชจะทำอะไรก็ตาม แฟนๆ ของเขาต่างรอที่จะกด Like ให้ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วย Love
มีข่าวว่า ในช่วงฟุตบอลโลกโชถึงกับต้องปิดโทรศัพท์มือถือของเขา เพราะไม่อย่างนั้นจะโดนบอมบ์ด้วย Notification มากมายจากแฟนบอลที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวของเขาไม่คุ้นชินเอาเสียเลย แต่ดาวยิงหน้าหยกปฏิเสธข่าวดังกล่าว
เพราะเขาปิดการแจ้งเตือนทุกอย่างตั้งแต่เข้าแคมป์เก็บตัวฟุตบอลโลกแล้ว เพื่อให้มีสมาธิพร้อมที่สุดสำหรับการลงแข่งขันในรายการที่สำคัญที่สุดในโลก
“ผมปิดการแจ้งเตือนไปแล้ว (ก่อนฟุตบอลโลก) เพื่อให้มีสมาธิกับทัวร์นาเมนต์” โชยืนยัน
ชื่อเสียงและการกลายเป็นจุดสนใจในเรื่องนอกสนามอาจเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจสำหรับนักฟุตบอลสมัยนี้ไม่น้อย แต่โชกยูซองยืนยันว่าเขาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ความกดดันเดียวที่เขามีคือแรงกดดันจากภายในใจของเขาเองที่อยากจะทำผลงานให้ดีที่สุด
“ในช่วงฟุตบอลโลกผมไม่เจออุปสรรคอะไรมากนัก ผมสนใจแค่เรื่องของฟุตบอล ผมไม่ได้สนใจเรื่องความคาดหวังมหาศาลจากคนอื่น แต่ผมเป็นคนที่ชอบกดดันตัวเอง และมันก็กลายเป็นปัญหาเล็กน้อย”
ซูเปอร์สตาร์คนใหม่ที่ถือกำเนิดบนดินแดนทะเลทรายกลายเป็นดาวดังในบ้านเกิดที่เกาหลีใต้ เขาได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นอย่าง Vogue Korea ให้เป็นนายแบบขึ้นปก ซึ่งกลายเป็นการเบิกทางไปสู่เส้นทางบันเทิงด้วย โดยได้ออกรายการโทรทัศน์อย่าง I Live Alone รวมถึงรายการตอบคำถามสุดฮิตอย่าง You Quiz on the Block
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โชได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 2 ของชายที่น่าหลงใหลมากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ เป็นรองเพียงแค่ดาราดังอย่างซงคังเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้แม้ว่าเขาจะรับมือกับมันได้ค่อนข้างดี แต่ก็มีบ้างที่เจอสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนใจ เช่น เมื่อครั้งเดินทางร่วมไปกับทีมชาติเพื่อลงอุ่นเครื่องในสหราชอาณาจักร เขาเจอแฟนคลับที่อยู่ในลอนดอนเข้ามาทักทาย
แต่ที่หนักที่สุดคือเมื่ออยู่ในบ้านเกิด ตอนนี้โชจำเป็นต้องพรางตัวเพียงเพื่อไปดื่มกาแฟ และแม้ว่าจะสวมหน้ากากอนามัยกับใส่หมวกแล้ว แต่แฟนบอลก็ยังคงจำเขาได้ หนักข้อเข้าก็ถึงขั้นเดินตามบนถนนเลยทีเดียว
นั่นเป็นเรื่องนอกสนาม สำหรับเรื่องในสนามโชกยูซองกลายเป็นชื่อที่ได้รับความสนใจจากหลายสโมสรทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในอังกฤษและสกอตแลนด์อย่างเลสเตอร์ ซิตี้, วัตฟอร์ด และกลาสโกว์ เซลติก ที่ต้องการได้ตัวกองหน้าดาวซัลโวของทีมชอนบุก ฮุนได ไปร่วมทีมให้ได้ในช่วงตลาดการซื้อ-ขายฤดูหนาวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แทนที่จะรีบคว้าข้อเสนอเหล่านั้นมาพิจารณา เขาเลือกที่จะรอจนถึงตลาดการซื้อ-ขายในรอบฤดูร้อนแทน เพื่อพิจารณาทุกอย่างอย่างดีที่สุดในการเลือกเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับก้าวต่อไปของเขาซึ่งมีความสำคัญมาก
ปรากฏว่าโชสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคน เพราะแทนที่จะเลือกย้ายมาเล่นในลีกที่มีชื่อเสียงอย่างในอังกฤษ เขากลับเลือกข้อเสนอของเอฟซี มิดทัลแลนด์ สโมสรในลีกเดนมาร์ก ที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 2.6 ล้านปอนด์
หลายคนคิดว่าที่เขาเลือกไปเดนมาร์กเพราะอยากได้ชีวิตส่วนตัวที่เงียบสงบกลับคืนมา แต่โชยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องพวกนี้
“ผมไม่ได้กลัวการเป็นที่สนใจของสื่อ ผมแค่อยากจะทุ่มเทในการเล่นฟุตบอล ผมอยากอยู่กับสโมสรที่ผมจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกนัด และผมมั่นใจว่ามิดทิลแลนด์สามารถเสนอสิ่งเหล่านี้ให้กับผมได้ และพวกเขาก็เป็นสโมสรที่สนใจผมที่สุดด้วย ดังนั้นผมจึงเลือกพวกเขา”
สิ่งที่เขาพูดไม่ได้เกินเลยไปจากความเป็นจริง มิดทิลแลนด์ตอนนี้นำจ่าฝูงเดนิชซูเปอร์ลีกา ในขณะที่ตัวของเขาเองทำไปแล้ว 8 ประตู จากการลงสนาม 16 นัด
มันทำให้เริ่มมีการพูดถึงขั้นต่อไปว่าจะมีโอกาสที่เขาจะได้เติบโตไปอยู่ในลีกระดับท็อปของยุโรปเหมือนรุ่นพี่อย่างซนฮึงมิน, ฮวังฮีชาน หรือแม้แต่พัคจีซอง นักเตะระดับตำนานที่เป็นผู้อำนวยการสโมสรชอนบุก ทีมเก่าของเขา และเป็นคนที่สอนวิธีการรับมือชื่อเสียงให้ รวมถึงเป็นคนแนะนำให้เลือกย้ายไปเล่นในทีมที่จะได้โอกาสในการลงสนามเหมือนที่ตัวของพัคไปแจ้งเกิดกับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน
แต่อปป้าบ้าบอลคนนี้ยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น
“ผมสนใจแค่การใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุขมากกว่าจะคิดไปถึงอนาคต ดังนั้นตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดไปขนาดนั้น”
อ้างอิง:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โชกยูซอง เดิมเป็นนักเตะชอนบุก ฮุนได แต่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเหมือนผู้ชายเกาหลีทุกคน แต่เป็นที่นั่นเองที่ช่วยให้เขาสร้างสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งจากการฝึกฝน ก่อนจะได้แจ้งเกิดกับทีมกิมชอน ซังมู สโมสรฟุตบอลที่ให้ทหารที่เป็นนักฟุตบอลได้ลงเล่นในระดับดิวิชัน 2 ผ่านสัญญายืมตัว
- โชเรียกฟอร์มกลับคืนมาได้ และพาทีมกิมชอน ซังมู เลื่อนกลับสู่ลีกสูงสุด ก่อนจะได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติ
- ก่อนจะมาเป็นกองหน้า เขาเคยเป็นกองกลางตัวรับมาก่อน แต่ค้นพบความสามารถในการทำประตู จึงได้เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นกองหน้าแทน