×

สารทจีน 2560 ซบเซา และเงียบเหงาตามกาลเวลา

โดย
05.09.2017
  • LOADING...

     สารทจีนปีนี้ตรงกับวันที่ 5 กันยายน ชาวไทยเชื้อสายจีนในย่านตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ต่างประกอบพิธีเซ่นไหว้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ทั้งที่บ้าน และบางส่วนเดินทางมาที่สมาคมกุศลสงเคราะห์ เพื่อเซ่นไหว้ต่อป้ายบรรพบุรุษ

     ตามตำนานเชื่อว่า ในเดือนนี้ประตูนรกจะเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญ

 

 

     ตำนานหนึ่งเล่าว่า ‘มู่เหลียน’ ชายหนุ่มผู้เคร่งครัดในพุทธศาสนา มีมารดาที่ใจบาปหยาบช้าไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ ช่วงเทศกาลกินเจปีหนึ่ง นางหมั่นไส้คนถือศีลกินเจ จึงให้มู่เหลียนเชิญพวกเขามากินข้าวที่บ้าน

     แต่หาทราบไม่ว่า นางแกล้งใส่น้ำมันหมูลงในน้ำแกง การกระทำดังกล่าวเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปมารดามู่เหลียนจึงตกนรกอเวจีมหานรก ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

 

 

     มู่เหลียนคิดถึงมารดาจึงถอดกายทิพย์ไปนรกภูมิ ได้รู้ว่ามารดากำลังอดอยาก จึงป้อนอาหารให้ แต่ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งกินจนหมด หรือแม้แต่เม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้น เมื่อสัมผัสริมฝีปากมารดาก็กลับกลายเป็นไฟเผาจนไหม้พอง

     ด้วยความกตัญญูและสงสาร มู่เหลียนได้ขอยมบาลว่า ตนขอรับโทษแทนมารดา

     แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการลงกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดไว้ทัน โดยกล่าวว่า

     ‘กรรมใดใครก่อ ก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้น’

     จากนั้นพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์ ‘อิ๋ว หลันเผิน’ ให้เขาเพื่อท่องเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน

     โดยทุกๆ ปี มู่เหลียนจะสวดคัมภีร์ อิ๋ว หลันเผิน ในเดือนที่ประตูนรกเปิด เพื่อถวายอาหารให้แก่มารดา

     นั่นคือตำนานที่เล่าสืบกันมา และนับแต่นั้นมา ชาวจีนจึงถือเป็นประเพณีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โดยจัดชุดไหว้ออกเป็น 3 ชุด คือ ไหว้เจ้าที่, ไหว้บรรพบุรุษ, ไหว้สัมภเวสี

 

 

     กลับมาที่ตลาดน้อย ระหว่างที่ถ่ายภาพ ผมได้ถามไถ่คนเซ่นไหว้หลายคน พวกเขาบอกว่า ปีนี้ลดจำนวนของเซ่นไหว้ลง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างแย่

     นอกจากนี้ ผมยังเห็นว่าพวกเขาทำพิธีกันเร็วขึ้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอัตราเร่งในโลกยุคใหม่หรือเปล่า ที่บีบบังคับให้ทุกคนต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานในชีวิตอย่างการกิน ทำงาน พูดคุยสนทนา จนถึงประเพณีความเชื่อที่หนึ่งปีมีครั้งอย่างการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ

     ไหว้สารทจีนปีนี้ ทุกอย่างดูรวดเร็วราวกับจะวิ่งตามอัตราเร่งของสัญญาณเน็ตที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน คนจีนที่ไหว้บรรพบุรุษในวันนี้ ก็ดูเหมือนจะเหลือเพียง อาม่า อาอึ้ม อาโกว อาเจ๊ก เท่านั้น

 

 

     ส่วนคนรุ่นใหม่อย่างอาตี๋อาหมวยคงขอตัวไปทำงานดีกว่าจะมานั่งเผากระดาษเงินกระดาษทอง ซึ่งไม่ได้สร้างรายได้และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในกระเป๋าสตางค์แต่อย่างใด

     บวกกับความคิดสมัยใหม่ที่เชื่อความจริงเชิงประจักษ์มากกว่าสัมผัสทางจิตวิญญาณ ทำให้ความเชื่อเรื่อง นรก-สวรรค์ กลายเป็นเรื่องไกลตัว การเซ่นไหว้บรรพบุรุษจึงยิ่งห่างไกลและไม่อยู่ในความคิดของคนรุ่นใหม่

     ส่วนท่านมู่เหลียนจะคิดเห็นอย่างไร คงยากที่ปุถุชนอย่างเราๆ จะคาดเดา

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising