‘หน้ากากอนามัย’ กลายเป็นหนึ่งในสิ่งของจำเป็นที่สุดในห้วงเวลาที่โควิด-19 กำลังระบาดไปทั่วโลก จุดนี้เองได้ก่อให้เกิดยุคตื่นทองในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งทองในที่นี้ไม่ได้เป็นโลหะมีค่าอย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็น ‘หน้ากากอนามัย’ ที่มีค่าดั่งทองคำไปเรียบร้อยแล้วในช่วงเวลาวิกฤตนี้
South China Morning Post ได้รายงานเมื่อวันที่ 17 เมษายน ระบุว่าตั้งแต่ต้นปี 2020 เป็นต้นมา มีบริษัทในจีนกว่า 38,000 แห่งที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพื่อผลิตหรือจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดยเฉพาะ ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2019 ทั้งปีที่มีการตั้งบริษัทใหม่เพียง 8,594 แห่งเท่านั้น
มีการเปรียบเปรยว่าเครื่องจักรผลิตหน้ากากอนามัยเหมือนเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสด เพราะหน้ากากอนามัยกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก หลายบริษัทได้ปรับเปลี่ยนโรงงานที่ผลิตสินค้าอื่น เช่น ลูกกอล์ฟ หรือชิ้นส่วนรถยนต์ มาผลิตหน้ากากอนามัย เพราะสามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว และมีกำไรทันทีภายใน 2 สัปดาห์
ขณะเดียวกันราคาก็พุ่งขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ราคาหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์ได้เพิ่มจากประมาณ 30 เซนต์สหรัฐ หรือ 9.75 บาท มาเป็น 70 เซนต์สหรัฐ หรือ 22.75 บาทต่อชิ้น ซึ่งโรงงานจะรับคำสั่งซื้อขั้นต่ำที่ 1 แสนชิ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นมาพร้อมกับปัญหาหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพต่ำ ปลายเดือนมีนาคม เนเธอร์แลนด์ได้เรียกคืนหน้ากากอนามัย 6 แสนชิ้นที่นำเข้าจากจีน หลังพบว่ามีคุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการหลอกลวงเกิดขึ้น มีนักธุรกิจ 3 คนที่ต้องสูญเงินนับล้านดอลลาร์สหรัฐต่อคนหลังจากสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจากผู้ผลิตในจีน โดยมีรายหนึ่งพบว่าแทนที่จะได้หน้ากากอนามัยที่ใช้ได้จริงๆ แต่สินค้าที่ส่งมากลับเป็นหน้ากากฮาโลวีนแทน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: