เผยผลทดลองวัคซีน Sinovac กับบุคลากรแพทย์บราซิลน่าผิดหวัง ประสิทธิภาพแค่ 50.7% ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ WHO ฉิวเฉียด

The Economist เปิดเผยรายงานผลการทดลองทางคลินิก หรือการทดลองในคนเฟสที่ 3 ของวัคซีน CoronaVac ซึ่งเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 จากบริษัท Sinovac ของจีน ล่าสุดพบว่าประสิทธิภาพวัคซีนค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยมีอัตราป้องกันการติดเชื้อได้เพียง 50.7% จากการทดลองกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในบราซิล ซึ่งผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 50% ไปแบบฉิวเฉียด

อย่างไรก็ตามผลการทดลองดังกล่าวระบุว่า ผู้เข้าร่วมที่ไม่ได้รับการฉีดราว 4% มีอาการป่วยหลังติดเชื้อโควิด-19 ในระดับรุนแรง ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไม่มีใครที่มีอาการร้ายแรง

ขณะเดียวกันผลทดลองวัคซีน CoronaVac ในการใช้งานจริง (Real-World Trial) ที่เผยแพร่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ระบุอัตราประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการอยู่ที่ 49.6% และลดลงมาที่ 35.1% สำหรับกรณีการติดเชื้อแบบไม่มีอาการซึ่งเลวร้ายมากกว่าเดิม

สำหรับการทดลองวัคซีนจากการใช้งานจริง ซึ่งมีการทดลองในหลากหลายสถานที่และสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังต้องทำอย่างรวดเร็ว จึงเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบให้เห็นประสิทธิภาพที่ชัดเจนของวัคซีน

ในกรณีของโรคโควิด-19 นั้นยังมีปัจจัยจากการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยการทดลองล่าสุดนี้ดำเนินการในบราซิลที่กำลังมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์ P1 ซึ่งแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ปกติถึง 2.5 เท่า

ทางด้าน เกา ฝู ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีนยอมรับหลังการประชุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน ว่าวัคซีนในปัจจุบันไม่ได้มีอัตราป้องกันการติดเชื้อที่สูงมาก

นอกจากบราซิล Sinovac ยังมีการทดลองวัคซีน CoronaVac ในหลายประเทศ ทั้งตุรกี ชิลี อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยที่ตุรกีผลทดลองขั้นต้นบ่งชี้ประสิทธิภาพวัคซีนสูงถึง 83.5%

ส่วนที่ชิลีมีรายงานข้อมูลการทดลองจากการใช้งานจริงที่เผยแพร่โดยรัฐบาล พบว่าประสิทธิภาพของวัคซีนสูงถึง 67% อีกทั้งยังป้องกันผู้ติดเชื้อไม่ให้ป่วยรุนแรงถึงขั้นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลได้กว่า 85% และป้องกันการเสียชีวิตได้ถึง 80%

แต่ไม่ว่าวัคซีน CoronaVac จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ตอนนี้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนจากบริษัท Sinovac ไปแล้วประมาณ 200 ล้านโดส (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2564) ซึ่งในส่วนของไทยได้รับมาแล้ว 2 ล้านโดส