ธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกโรงเตือนแนวโน้มความเสี่ยงในภาคการเงินของประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาที่สั่งสมมานานหลายปี บวกกับภาวะไม่แน่นอนในตลาดต่างประเทศ ทำให้ความเสี่ยงในภาคการเงินของจีนทวีความรุนแรง
โดย Zou Lan ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดการเงินแห่งธนาคารกลางจีน ระบุชัดว่า ความเสี่ยงที่ว่านี้หมายรวมถึงภาวะแกว่งตัวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้กับความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ของธุรกิจในด้านอสังหาริมทรัพย์
สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ความคิดเห็นข้างต้นถือเป็นความเห็นล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางจีนที่มีต่อความเสี่ยงของตลาดภายในประเทศ เพราะในขณะที่ดัชนี S&P 500 มีการขยับปรับขึ้นมากกว่า 5% ในปีนี้ แต่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากนี้การระบาดของไวรัสโควิด-19 บวกกับความไม่แน่นอนของทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามา ทำให้ตลาดการเงินในจีนอยู่ในภาวะที่ Zou Lan เรียกว่าช็อก และเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ในมุมมองของ Zou Lan ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล้วนตกอยู่ในความเสี่ยงจากภาวะผันผวน จนทำให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมเกิดปัญหาด้านการเงินในการดำเนินการธุรกิจซึ่งเสี่ยงต่อการผิดชำระหนี้
ขณะเดียวกันราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในบางเมืองของจีน ถือเป็นประเด็นร้อนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทำให้จีนต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ได้ รวมถึงความเสี่ยงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็กที่กู้เงินมาลงทุน
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลจีนเพิ่งจะประกาศกำหนดเป้าหมาย GDP ของประเทศในปีนี้ว่าจะเติบโตที่ 6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าจะช่วยให้รัฐบาลมีพื้นที่ในการกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาอย่างเรื่องหนี้ได้ ท่ามกลางรายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นที่ระบุว่า มีรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นในจีนหลายแห่งที่มีการผิดนัดชำระหนี้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดความคาดหมายของนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะปกติบริษัทที่มีรัฐบาลหนุนหลังมักจะไม่ค่อยมีปัญหาทางการเงินจนต้องผิดนัดชำระหนี้
โดยปริมาณหนี้ต่อ GDP ของจีน จนถึงไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 285% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ราว 251%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: