ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งพิจารณาหารือแนวทางผ่อนปรนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ทางธนาคารกลางจีน (PBOC) ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนแนวทางสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน โดยยืนกรานชัดเจนว่า ทาง PBOC ไม่มีนโยบายที่จะใช้มาตรการสุดโต่งอย่างการอัดฉีดเงินมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเด็ดขาด
พานกงเฉิง (Pan Gongsheng) รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันว่า จีนจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง และจะไม่กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบ ก่อนย้ำว่านโยบายการเงินที่จีนใช้อยู่ในปัจจุบันยังคงมีวงเงินที่ค่อนข้างสูง
ด้าน ซันกัวเฟิง (Sun Guofeng) ผู้อำนวยการด้านนโยบายการเงินของ PBOC กล่าวว่า ฐานเงินทุนในระบบเศรษฐกิจจีนยังคงแข็งแกร่ง พร้อมคาดว่าสภาพคล่องและอุปสงค์จะยังคงมีความสมดุลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารกลางจีนใช้มาตรการทางการเงินที่หลากหลายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการตัดลดสัดส่วนทุนสำรองธนาคาร หรือ Reserve Requirement Ratio (RRR) หลายครั้ง แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมเป็นเวลา 16 เดือนติดต่อกัน และเพิ่งจะออกนโยบายสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กโดยเฉพาะ
ขณะที่ ถิงลู่ (Ting Lu) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของโนมูระ คาดการณ์ว่า PBOC จะยังไม่ใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน และ PBOC มีแนวโน้มที่จะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลงอีกในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ PBOC ได้ปรับลด RRR ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวน 1 ล้านล้านหยวนในระยะยาว
ในส่วนของการดำเนินการปฏิรูปอุตสาหกรรมเกม ล่าสุดทางการจีนได้เรียกตัวแทนจากบริษัทเกมชั้นนำอย่าง Tencent และ NetEase เข้าพบเพื่อพูดคุย โดย Global Times รายงานว่า ประเด็นหลักของการพบกันในครั้งนี้ คือการทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจำกัดเวลาเล่นเกมของเด็กเพื่อไม่ให้เล่นเกมเกินกำหนด 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อแก้ปัญหาเด็กติดเกม รวมถึงมีแผนที่จะไล่จับธุรกิจที่ ‘ขาย-ให้เช่าไอดี’ เพื่อให้เด็กเล่นเกมออนไลน์เกินเวลา ภายใต้ความร่วมมือจากภาคเอกชน
อ้างอิง: