เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กลายเป็นสมรภูมิล่าสุดในการแย่งชิงอิทธิพลโลกระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา เพิ่มความเชื่อมโยงในการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจทั้งสองต่อไป แม้ทั้งสองประเทศเริ่มออกมาตรการกีดกันมากขึ้น แต่ BlackRock ยังคงเดินหน้าลงทุนใน AI พร้อมระบุว่าเป็นสิ่งที่เป็น ‘พลังอันยิ่งใหญ่’ สำหรับโลก
แม้ตอนนี้สหรัฐฯ ยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันไว้ได้ แต่การที่บริษัทสตาร์ทอัพของจีนผุดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าจีนกำลังไล่ตามสหรัฐฯ อยู่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
Baidu ผู้นำแพลตฟอร์มการค้นหาในจีนอ้างว่า ในสัปดาห์นี้บริการแชตบอต Ernie เอาชนะ ChatGPT ของ OpenAI ได้ในหลายปัจจัย ด้าน Meituan บริษัทส่งอาหารยักษ์ใหญ่ประกาศเข้าร่วมการแข่งขันใน AI โดยตกลงที่จะเข้าซื้อสตาร์ทอัพของผู้ร่วมก่อตั้งในราคาเกือบ 234 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาบริการที่คล้ายกับ ChatGPT
ผู้ประกอบการระดับมหาเศรษฐี นักวิทยาศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ และนักการเงินของจีน คาดว่าจะขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี AI ประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้
แน่นอนว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากประเทศคู่แข่ง สหรัฐฯ ย่อมเล็งเห็นถึงประเด็นนี้และวางแผนกีดกันเข้มงวดขึ้น ด้วยการควบคุมการส่งออกก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อจำกัดการขายชิป AI บางส่วนไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ ข้อจำกัดใหม่จะทำให้การขายชิปไปยังประเทศจีนทำได้ยากขึ้นหากไม่มีใบอนุญาต โดยเฉพาะชิป A800 ของ NVIDIA ซึ่งได้รับรายได้ 25% จากประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดทางการค้าล่าสุดดูเหมือนจะไม่ลดทอนความกระตือรือร้นในการเดิมพันกับ AI ของ BlackRock บริษัทจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งยังคงแนะนำ ‘เพิ่มน้ำหนักการลงทุน’ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI และได้เลือกผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์และบริษัทที่มีชุดข้อมูลจำนวนมากหรือมีศักยภาพสูงสำหรับ AI เป็นบริษัทที่น่าจะได้รับอานิสงส์มากที่สุด
OpenAI ยังคงเป็นผู้นำในแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดย AI เป็นหลัก Moody’s ประกาศว่าจะร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างเครื่องมือ AI เพื่อช่วยลูกค้าประเมินความเสี่ยง ขณะที่ธนาคารญี่ปุ่น Mizuho Financial Group ประกาศให้พนักงานทุกคนเข้าถึง OpenAI ทำให้เป็นหนึ่งในบริษัทการเงินแห่งแรกของญี่ปุ่นที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ OpenAI ยังประกาศว่าลอนดอนจะเป็นที่ตั้งสำนักงานบริษัทแห่งแรกที่อยู่นอกสหรัฐฯ
เมื่อสิ่งต่างๆ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว การควบคุมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Alphabet, Microsoft, IBM และ OpenAI ได้ขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐฯ ดูแลการพัฒนาเทคโนโลยี ในขณะเดียวกันก็กำลังต่อสู้กับมาตรการกีดกันต่างๆ ของสหภาพยุโรปที่บริษัทเหล่านี้เชื่อว่ากำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า
อ้างอิง: